#BAFS


BAFSเติมน้ำมันไม่พัก ปีหน้า 5.4 พันล้านลิตร

BAFSเติมน้ำมันไม่พัก ปีหน้า 5.4 พันล้านลิตร

หุ้นวิชั่น - BAFS เผยรายได้ปี 2568 คาดโต 9% จากทุกกลุ่มธุรกิจ ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานพุ่งแตะ 5,400 ล้านลิตรจากปีก่อน ปริมาณเที่ยวบินเพิ่ม นักท่องเที่ยวหนุน  พร้อมเดินหน้าขยายโครงสร้างท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 3 เริ่มก่อสร้างต้นปี 2568 คาดเพิ่มปริมาณขนส่งอีก 700 ล้านลิตรต่อปี ส่วนธุรกิจ SAF จับมือพันธมิตร รอความชัดเจนด้านกฎหมายจากภาครัฐ ดันเป้าหมายสู่การบินยั่งยืน           บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า  สำหรับ ปี 2568 คาดว่ารายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ จะเติบโต 9% ซึ่งจะมาจากกลุ่มธุรกิจการบิน(Aviation) กลุ่มธุรกิจ Utilities และกลุ่มธุรกิจ Power  โดยปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน คาดว่าจะทำได้ 5,400 ล้านลิตร จากปี 2567 ที่คาดว่าจะปริมาณเติมน้ำมันจะทำได้ 5,000 ล้านลิตร  ทั้งนี้ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนปี 2567 ที่ผ่านมา มีปริมาณการเติมน้ำมันอยู่ที่ 3,666 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 80% ของระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับการเติมน้ำมันของเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้น พบว่าประเทศจีนยังคงเป็นประเทศปลายทางที่มีปริมาณการเติมน้ำมันมากที่สุด อย่างไรก็ดีก่อนสถานการณ์โควิดบริษัทมีปริมาณการเติมน้ำมันกว่า 6,100 ล้านลิตร           ปีหน้าคาดว่าสายการบินจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น อีกทั้งสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X) ที่ได้ย้ายฐานกลับมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังมีความพร้อมรองรับเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทในอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ปริมาณการเติมน้ำมันและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นยังสอดคล้องกับเป้าหมายการดึงดูดนักท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวรวมไว้ที่ 36.7 ล้านคนในปีนี้           ส่วนกลุ่มธุรกิจ Utilities ยังคงมีปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านท่อภาคเหนือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำมันอยู่ที่ 895 ล้านลิตร คิดเป็น 81% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว โดยเป้าหมายปริมาณการขนส่งน้ำมันทางท่อทั้งปี 2567 จะมีทำได้ 1,100 ล้านลิตร  ส่วนโครงการระบบท่อขนสงนามันสายเหนอ ระยะที่ 3 (สระบุรี - อ่างทอง)  ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2567 บริษัท บัฟส์ขนส่งทางท่อ (BPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงนามในสัญญาเชื่อมต่อระบบท่อจากคลังน้ำมันสระบุรีไปยังภาคเหนือ และสัญญาเช่าที่ดินเพื่อดำเนินการตามโครงการระบบขนส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 3 (สระบุรี - อ่างทอง) กับบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย (THAPPLINE) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว BPT คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเปิดให้บริการได้ในปี2569 และคาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือผ่านระบบท่อเพิ่มขึ้นกว่า 700 ล้านลิตรต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2568           ในขณะเดียวกัน บริษัท บัฟส์ คลีน เอนเนอร์จี คอร์ปอเรชั่น (BC) ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้า ที่ในไทยและญี่ปุ่น โดยยังมองโอกาสที่จะเข้าลงทุนทั้งในการซื้อกิจการและการเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ หากภาครัฐมีการเปิดประมูล           พร้อมกันนี้  ในส่วนของการศึกษาในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ปัจจุบันก็มีการเจรจากับพันธมิตร ทั้ง บางจาก และมิตรผล ด้วยรวมไปถึงก่อนหน้านี้ที่มีการการลงนามความร่วมมือกับ EA ซึ่งปัจจุบันก็ต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐว่าจะมีความชัดเจนสำหรับกฎหมายที่จะรองรับการใช้น้ำมัน SAF อย่างไร

BAFS ไตรมาส3/67มีกำไร26.4 ล้านบาท

BAFS ไตรมาส3/67มีกำไร26.4 ล้านบาท

          หุ้นวิชั่น - บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BAFS รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 855.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่ม ทำให้ไตรมาสนี้รายได้รวมของกลุ่มธุรกิจ Aviation เพิ่มขึ้น 18% โดยมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 17% เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Utilities เพิ่มขึ้น 31% โดยเพิ่มขึ้นจากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ที่เพิ่มขึ้นถึง 70% จากการทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ชดเชยกับการลดลงของรายได้ในกลุ่มธุรกิจ Power ที่ลดลงจากการสิ้นสุดสัญญาเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder)           EBITDA ในไตรมาส 3/2567 มีจำนวน 396.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ Aviation และกลุ่มธุรกิจ Utilities จากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน และปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านท่อตามลำดับ สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้น 19% จากค่าผลประโยชน์ตอบแทนการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Airport Concession Fee: ACF) ที่เพิ่มขึ้นตามยอดปริมาณการเติมน้ำมัน, ค่าใช้จ่ายบุคลากร และค่าบำรุงรักษารถเติมน้ำมันอากาศยานที่ผันแปรตามการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก สำหรับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 5% จากการเปิดใช้บริการของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2566 สำหรับต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 3% จากการที่กลุ่มบริษัทมีการชำระเงินกู้ยืมอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 26.4 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.02 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 1% ผลการดำเนินงานโดยรวม 9M/2567 เทียบกับ 9M/2566           กลุ่ม BAFS มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 152.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.18 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 4% เนื่องจากรายได้และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 12% และ 12% ตามลำดับ โดยหลักเป็นผลมาจากการฟื้นตัวขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Aviation ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายดำเนินงานโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 7% โดยมีสาเหตุหลักจากค่า ACF ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและค่าใช้จ่ายบุคลากร โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายรวมในสัดส่วนที่น้อยกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้           ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศกว่า 26 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในสามลำดับแรก ได้แก่ จีน (5.3 ล้านคน) มาเลเซีย (3.7 ล้านคน) และอินเดีย (1.5 ล้านคน) ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกประมาณ 10 ล้านคนในช่วงที่เหลือของปี 2567 เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ที่ 36.7 ล้านคนสำหรับปีนี้

บล.ดาโอ ชี้นักท่องเที่ยวจีนหนุน หุ้น ERW-CENTEL-MINT-SHR

บล.ดาโอ ชี้นักท่องเที่ยวจีนหนุน หุ้น ERW-CENTEL-MINT-SHR

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดี WoW จากวันชาติจีน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น WoW เพราะเป็นวันชาติจีน (1-7 ต.ค. 24) ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ 160,474 คน (+34%WoW/+114% YoY) เป็นไปตามที่ ททท. คาดไว้ที่ 132,000 – 183,000 คน เพิ่มขึ้น 57-144% YoY           โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ยต่อสัปดาห์จะลดลงมาสู่ระดับปกติในช่วงสัปดาห์หน้าที่ระดับ 1.3-1.4 แสนต่อสัปดาห์เพราะหมดเทศกาลวันชาติจีน ส่วนนักท่องเที่ยวรวมจะมีโอกาสจะกลับมาหดตัว WoW ได้เช่นกัน ทั้งนี้ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024E ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่เราประเมินไว้           โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E เพิ่มขึ้น +21% YoY และนักท่องเที่ยวจีน +84% YoY           ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น +21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +84% YoY ฝ่ายวิเคราะห์ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวเรายังชอบ AAV, AOT, MINT และ BAFS AAV (ซื้อ/เป้า 3.20 บาท) 3Q24E จะยังมีกำไรปกติได้แม้จะอยู่ในช่วง low season จากผู้โดยสารและค่าตั๋วโดยสารที่ยังดี ขณะที่ 4Q24E จะดีขึ้นโดดเด่นจากการเริ่มเข้าสู่ high season AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) จากแนวโน้มกำไร 1Q-2QFY25E ที่จะยังโต YoY ดีต่อเนื่อง MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า 3Q24E จะโต YoY ได้ต่อเพราะยังเป็น High season ที่ยุโรป โดย RevPAR ที่ยุโรปยังเพิ่มขึ้นได้ดีที่ +15% YoY และมี ADR เพิ่มขึ้นได้ +12% YoY ส่วนไทย RevPAR เพิ่มขึ้นได้ที่ +16% YoY ส่วน 4Q24E จะมี High season จากไทยและมัลดีฟส์ช่วยหนุน BAFS (ซื้อ/เป้า 22.00 บาท) จากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น