#AWC


Jurassic World มาแน่! หนุน AWC โบรกส่อง Q4 คาดรายได้ปัง

Jurassic World มาแน่! หนุน AWC โบรกส่อง Q4 คาดรายได้ปัง

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ AWC ด้วยราคาเป้าหมาย 4.40 บาท จาก i) การเปิดตัว Jurassic World ณ Asiatique เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มมูลค่า สินทรัพย์ของบริษัท ii) คาดกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการเติบโต yoy และ qoq ใน 4Q24F-1Q25F จากฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดของไทย และการเปิดโรงแรมใหม่ในไตรมาส นอกจากนี้ ราคาหุ้น AWC ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา เรามองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน AWC เปิดตัว Jurassic World ในกรุงเทพ AWC ได้ประกาศความร่วมมือกับ NEON (ซึ่งเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ เช่น Avatar: The Experience ณ Gardens by the Bay ในสิงคโปร์) และ Universal Live Events & Location Based Entertainment เพื่อนำ "Jurassic World: The Experience" มาเปิดให้บริการ ณ Asiatique ใน 2Q25 โครงการนี้ใช้งบประมาณในการลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ขนาด 10,000 ตารางเมตร ด้วยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ Jurassic World การผจญภัยยุคไดโนเสาร์รูปแบบอิมเมอร์ซีฟ ตามแบบฉบับของภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World ทั้งนี้ โครงการนี้จะแตกต่างจาก Disney100 Village ที่จัดขึ้นในปี 2023 เนื่องจาก Jurassic World จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้บริการในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรของ AWC ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโครงการนี้ คาดผลประกอบการ 4Q24F เติบโต yoy, qoq จาก i) ธุรกิจโรงแรม : RevPar เติบโตระดับสองหลักในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2024 เนื่องจากการเติบโตในทุกกลุ่ม (9M24 RevPar +13% yoy) นอกจากนี้ แผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการเปิดโรงแรม Melia Pattaya ในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 และการเปิดโรงแรม Marriott Resort Jomtien Beach ในเดือนเมษายน 25 และ Fairmont Bangkok Sukhumvit ในช่วง 1H25 คาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจโรงแรมได้อย่างต่อเนื่อง ii) ธุรกิจค้าปลีกและเชิงพาณิชย์: บริษัทคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q25 ที่ระดับ 66% โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้ามาเช่าพื้นที่ของผู้เช่ารายใหม่ใน The Empire ดังนั้น คาดจะเห็นการรักษาระดับและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น คงประมาณการผลประกอบการ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2024F อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (+65% yoy) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท ปัจจุบัน AWC ซื้อขายอยู่ที่ 27x EV/EBITDA และ 51x P/E 2025F คาดผลประกอบการของ AWC จะเติบโตเฉลี่ยด้วย CAGR 3 ปี (2024-27F) ที่ 28% ต่อปี ซึ่งผลักดันจากการขยายโรงแรม และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น

AWC ผนึกพลัง BJC เปิด ฟีนิกซ์ ศูนย์กลางอาหารระดับโลก

AWC ผนึกพลัง BJC เปิด ฟีนิกซ์ ศูนย์กลางอาหารระดับโลก

          หุ้นวิชั่น - บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ผนึกพลัง บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนา “Big C” คอนเซ็ปต์สโตร์โมเดลใหม่ที่ยังไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนที่โครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์) ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกที่เป็นแหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ กับครั้งแรกของการผสานซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าเข้าด้วยกัน ครบครันทุกเรื่องชอปปิ้งวัตถุดิบอาหารชั้นเลิศและหลากหลายส่งตรงจากผู้ผลิตในรูปแบบ “Shop in Shop” ที่จะสร้างมิติใหม่ของการชอปปิ้งแบบ “Factory Outlet” รวมถึงอาหารของฝากเลื่องชื่อและสินค้าอุปโภคบริโภคจากแบรนด์ระดับโลก ที่ได้รับการคัดสรรมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ นักท่องเที่ยวและฟูดเลิฟเวอร์ รวมถึงชุมชนโดยรอบโครงการอย่างครบครัน พร้อมเตรียมนำเทคโนโลยีรีเทลล้ำสมัยมาใช้ภายในคอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่แห่งนี้ เพื่อเชื่อมต่อ Ecosystem ด้านอาหาร และมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง ดึงดูดนักชอปนักชิมและนักท่องเที่ยว เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางและจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก เตรียมพบกับความตื่นเต้นจากโครงการ “Phenix” และ “Big C” พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ โดย “Big C” คอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่นี้มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 2 ปี 2568           นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC  ยินดีอย่างยิ่งในความร่วมมือและความมุ่งมั่นร่วมกันของ AWC และ BJC Big C เพื่อร่วมสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์สโตร์โมเดลใหม่ที่จะดึงพลังความหลากหลายของพันธมิตรธุรกิจอาหาร และพาวิลเลียนนานาชาติจากประเทศชั้นนำด้านอาหารกว่า 14 ประเทศที่นำสินค้าจากทั่วโลกมาร่วมในโครงการ ‘Phenix’ ผสานกับคอนเซ็ปต์รีเทลใหม่ที่ ‘Big C’ จะร่วมพัฒนากับ AWC ให้มีความโดดเด่น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โอกาสใหม่ให้กับธุรกิจอาหารและการค้าปลีกค้าส่ง และร่วมสนับสนุนกลยุทธ์ของภาครัฐที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของภูมิภาค รวมทั้งนโยบายที่จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร เพื่อส่งเสริมประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”           นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ AWC อีกครั้งในการนำเสนอ ‘Big C’ คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ได้พัฒนาต่อจากความสำเร็จของ ‘Big C’ ที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาใช้บริการ เราเห็นโอกาสที่จะร่วมสร้างคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ ‘Phenix’ ร่วมกัน ให้เป็นปรากฏการณ์สำคัญในการสร้างมิติใหม่ด้านการชอปปิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อาทิ การสร้างสรรค์พื้นที่แบบ ‘Shop in Shop’ และการสร้างประสบการณ์แบบ ‘Factory Outlet’ ของผลิตภัณฑ์อาหารส่งตรงจากผู้ผลิตมารวมไว้ใจกลางเมือง ที่จะรวมทั้งร้านอาหารและผู้ผลิตอาหารชั้นนำมากมายเอาไว้ภายในโครงการ          ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาใช้บริการสามารถเลือกชอปปิ้งได้ทั้งรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง พร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะเข้ามาเสริมประสบการณ์ชอปปิ้งให้กับผู้ที่มาใช้บริการได้อย่างสะดวกและประทับใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมให้เติบโต ควบคู่กับการตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” “Big C” คอนเซ็ปต์สโตร์โมเดลใหม่นี้จะได้รับการพัฒนาครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. บริเวณชั้น G ภายในโครงการ “Phenix”  ด้วยการนำเสนอประสบการณ์การชอปปิ้งที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นไม่เหมือนใคร ผสานมิติใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ผู้บริโภค และฟูดเลิฟเวอร์เพื่อสัมผัสความพิเศษ พร้อมเชื่อมต่อกับ Ecosystem ด้านอาหารของ “Phenix” และเติมเต็มทุกมิติด้านอาหารอย่างครบวงจรในโซนสินค้าคุณภาพจากชุมชนหลากหลายภายในโครงการด้วยอาหารและสินค้าคุณภาพจากทั่วประเทศไทย เพื่อครอบคลุมทุกมิติด้านการชอปปิ้ง อาหาร และการท่องเที่ยวให้รอบด้าน ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางและจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก

AWC จับมือ SMBC ลุยท่องเที่ยว จัดสินเชื่อ 3,000 ล้าน ต่อยอด

AWC จับมือ SMBC ลุยท่องเที่ยว จัดสินเชื่อ 3,000 ล้าน ต่อยอด

          19 พฤศจิกายน 2567, กรุงเทพฯ ประเทศไทย – บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร และ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ SMBC ร่วมลงนามความร่วมมือสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan) จำนวน 3,000 ล้านบาท ด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าผ่านการพัฒนาโครงการคุณภาพตามมาตรฐานสากลด้านความยั่งยืน ที่รวมถึงการส่งเสริมการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) ขององค์กรภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน 3BETTERs ของบริษัทฯ คือ Better Planet กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม Better People ร่วมสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน และ Better Prosperity การกำกับดูแลกิจการและการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม เพื่อสร้างคุณค่าองค์รวมแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ร่วมสร้างประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก           มร. ราจีฟ คานนาน Managing Executive Officer, Co-Head of Asia Pacific Division ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ SMBC กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ AWC ในการจัดสินเชื่อในครั้งนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันด้านความยั่งยืน เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ AWC ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มีมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนระดับโลก ด้วยศักยภาพในการพัฒนาโครงการคุณภาพที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน และมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในขณะที่เราได้กำหนดเป้าหมายเพื่อมอบสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนทั่วโลกเอาไว้สูงถึงกว่า 11 ล้านล้านบาท (50 ล้านล้านเยน) ภายในปี 2573 การสนับสนุนพันธมิตรที่สำคัญของเราอย่าง AWC นับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นของเราต่อการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับสิ่งแวดล้อม ประเทศไทย และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาคนี้”           นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC ประทับใจในความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของ SMBC กลุ่มการเงินชั้นนำระดับโลก ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือผ่านสินเชื่อด้านความยั่งยืนในครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นครั้งสำคัญในการร่วมสร้างคุณค่าให้สิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม อุตสาหกรรม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเป็นไปตามแผนกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ที่มุ่งดำเนินงานตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล ซึ่ง AWC มีความเชื่อมั่นว่าการร่วมรวมพลังกับ SMBC ในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่มีความสัมพันธ์กันยาวนานจะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”           AWC จะนำสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในครั้งนี้ไปใช้ในการพัฒนาการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ และสร้างคุณค่าองค์รวมแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ผ่านโครงการแลนด์มาร์กระดับโลกต่างๆ ที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทย จากการพัฒนาโครงการโรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED และ WELL เป็นแห่งแรกของภาคเหนือมาแล้วในปีที่ผ่านมา AWC ยังเดินหน้าสร้างสรรค์โครงการขนาดใหญ่โดยผสานแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับท็อปของอุตสาหกรรม อาทิ โครงการ “Lannatique” ในจังหวัดเชียงใหม่ โครงการ “Aquatique” ในพัทยา และโครงการ “Woeng Nakornkasem Yaowaraj” ในกรุงเทพฯ ที่มุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากร ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมาย (Sustainability Performance Targets หรือ SPTs) โดยการวัดผลการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ  และมาตรฐานดัชนีความยั่งยืน MSCI ESG Rating           ปัจจุบัน AWC ได้รับการจัดสรรวงเงินสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน และสินเชื่อสีเขียวระยะยาว จากสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของสินเชื่อระยะยาวทั้งหมดเพื่อมุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศ โดยขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนในสามเสาหลัก หรือ 3BETTERs ประกอบด้วย Better Planet, Better People และ Better Prosperity           AWC ยังคงมุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets Indices) ด้วยคะแนนความยั่งยืนจากการประเมินผล Corporate Sustainability Assessment (CSA) โดย S&P Global สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ (Hotels, Resorts & Cruise Lines) รวมถึงได้รับการจัดอันดับในรายงานความยั่งยืน S&P Global Sustainability Yearbook 2024 และได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Ratings ในระดับ “AA” โดย MSCI ESG Research รวมถึงกลุ่มโรงแรมและศูนย์การค้าในเครือ AWC ก็มุ่งมั่นร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ดาวแห่งความยั่งยืน” หรือ STAR (Sustainable Tourism Acceleration Rating) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

AWC ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 1.39 พันล้านบาท ลุยเปิดโครการใหม่ดันพอร์ต

AWC ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 1.39 พันล้านบาท ลุยเปิดโครการใหม่ดันพอร์ต

          AWC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 1,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากปีก่อน รวม 9 เดือนแรกมีกำไร 3,991 ล้านบาท เติบโตจากการดำเนินกลยุทธ์ขยายพอร์ตโฟลิโออย่างแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมเปิดโครงการ “Okura Cruise” และโรงแรมใหม่อีกหลายแห่งเพื่อเสริมศักยภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย           บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิที่ 1,139 ล้านบาท เติบโต 0.3% จากไตรมาส 3/2566 มีกำไร 1,136 ล้านบาท ส่งผลให้ 9 เดือน มีกำไรที่ 3,991 ล้านบาท เทียบกับ 9 เดือนปีก่อน มีกำไร ที่ 3,746 ล้านบาท ภาพรวมของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “AWC”)           ด้วยกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ของบริษัทที่มุ่งสร้างกระแสเงินสด โดยการเร่งพัฒนาทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (DEVELOPING ASSET) ให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (OPERATING ASSET) การเพิ่มศักยภาพของทรัพย์สินในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (RAMP UP) มาสู่ระดับดำเนินงานปกติ (BAU) และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกอย่างแข็งแกร่งแม้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว ด้วยรายได้รวมและกำไรสุทธิ 9 เดือนตามงบการเงินอยู่ที่ 15,222 ล้านบาท และ 3,991 ล้านบาท ตามลำดับ จากผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เติบโตได้ดีในทุกกลุ่ม สามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน 983 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562           โดยโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) และโรงแรมในกรุงเทพมีกลยุทธ์ผลักดันรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 4,702 บาทต่อห้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมถึงมีค่า RGI Index ของโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 105 โดยมีโรงแรมที่มีค่า RGI โดดเด่น เช่น โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 195 โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 174 และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ที่มีค่า RGI เท่ากับ 149 นอกจากนี้ รายได้อาหารและเครื่องดื่มของธุรกิจโรงแรมและการบริการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากกลยุทธ์การบูรณาการจุดแข็งทางธุรกิจของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เข้าด้วยกันเพื่อเสริมสร้างมูลค่าร่วม (Synergy Value)           และกลุ่มธุรกิจยังคงรักษาการเติบโตได้ดีจากการปรับกลยุทธ์การตลาดของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานสู่การเป็น AWC’s Lifestyle Destination ให้รองรับเทรนด์และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ 154,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับปี 2562 และส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.81 เท่า สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารจัดการเงินทุนและความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อสนับสนุนแผนการลงทุนระยะยาว โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 1,063 ล้านบาท           บริษัทมุ่งเดินหน้าเพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 18 กันยายน 2567 บริษัทได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกเปิดตัว “เอ-ญ่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์” แลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยที่รวบรวมทั้ง Top Cuisine ชั้นนำระดับเวิลด์คลาสมาสู่รูฟทอปที่วิวสวยที่สุดในกรุงเทพฯ ทั้ง “โนบุ แบงค็อก” กับเชฟระดับตำนาน เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ เปิดห้องอาหารโนบุที่สูงที่สุดในโลก รวมถึง “เอ-ญ่า เชฟ เทเบิล” พร้อมสัมผัสประสบการณ์เชฟเทเบิลจาก 3 เชฟระดับมิชลินสตาร์กับห้องอาหารไทย “Le Du Kaan” บนรูฟทอปแห่งแรกของโลกโดยเชฟต้น ห้องอาหารจีนร่วมสมัย “K by Vicky Cheng” โดยเชฟวิคกี้ เชง และห้องอาหารอิตาเลียนคลาสสิกร่วมสมัย “Sartoria by Paulo Airaudo” โดยเชฟเปาโล อายราวโด รวมทั้ง “เอ-ญ่า แกลเลอรี” แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำ ด้วยประสบการณ์ระดับโลกกับจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์เหนือระดับ           นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่มั่นคงพร้อมกับการส่งเสริมคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมและชุมชน โดยในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมเปิดโครงการคุณภาพแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ และพัทยา ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอ ด้วยไฮไลต์อันโดดเด่นกับการเปิด “Okura Cruise” เรือเทปันยากิและไคเซกิสุดหรูระดับไฟน์ไดนิ่งลำแรกของโลกโดยโอกุระ ที่จะเปิดให้บริการ ณ ท่าเรือของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น และ “มีเลีย พัทยา อควาทีค เดสติเนชั่น” โรงแรมแห่งใหม่ในพัทยา ที่พร้อมจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงอีก 4 โครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดในปี 2568 ได้แก่ โครงการ “พัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา แอท จอมเทียนบีช” โรงแรมแมริออทแห่งแรกของพัทยา “แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท” โรงแรมแฟร์มอนท์แห่งแรกของไทยรองรับกลุ่ม Luxury MICE ระดับโลก โครงการ “ลานนาทีค เดสติเนชั่น” สร้างจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกใจกลางเมืองเชียงใหม่ และอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ AWC เตรียมสร้างความสนุกครั้งใหม่ที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการนำประสบการณ์สุดพิเศษระดับเวิลด์คลาสมาสู่ประเทศไทย ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัวรายละเอียดของความร่วมมืออย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

AWC ท่องเที่ยวฮอต กำไรโตเด่น แนะ

AWC ท่องเที่ยวฮอต กำไรโตเด่น แนะ "ซื้อ" เป้า 4.40 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ปรับคำแนะนำ AWC เป็น BUY โดยมีราคาเป้าหมายที่ 4.40 บาท จากคาดกำไรปกติจะเติบโต 78% yoy และ 10% qoq ใน 3Q24F และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง yoy และ qoq ใน 4Q24F เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย ซึ่ง AWC จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากรายได้ 100% ที่มาจากสินทรัพย์ในประเทศไทย           ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงคงประมาณการปี 2024F โดย 9M24F คิดเป็น 64% ของประมาณการ โดยมองว่า AWC จะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นเมื่อเทียบในกลุ่ม โดยคาดกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 28% ต่อปี (CAGR 3 ปี – 2024-27F) โดยได้รับแรงหนุนจากพอร์ตโฟลิโอโรงแรมที่ขยายตัว สินทรัพย์ในทำเลเชิงกลยุทธ์ และอัตรากำไรที่สูงขึ้น

มาตรการกระตุ้นเที่ยวไทย หักภาษี 2 เท่า หนุนหุ้นท่องเที่ยว AWC-ERW

มาตรการกระตุ้นเที่ยวไทย หักภาษี 2 เท่า หนุนหุ้นท่องเที่ยว AWC-ERW

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า มาตรการเที่ยวไทยไปต่อ (คาดจะให้นำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว สัมมนา ประชุม) ในพื้นที่ประสบอุทกภัยมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยเบื้องต้นกำหนดที่ 2 เท่าของรายจ่าย มองบวกหุ้นอิงภาคท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนที่มีรายได้ในภาคเหนือที่เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมสูง คือ AWC (6% ของรายได้ ) ERW (3% ของรายได้) ที่มา : บล.กรุงศรี