#AI


[Vision Exclusive] ไทยเร่งเครื่องสู่ 'AI Hub' AMATA พร้อมดึงต่างชาติ

[Vision Exclusive] ไทยเร่งเครื่องสู่ 'AI Hub' AMATA พร้อมดึงต่างชาติ

          หุ้นวิชั่น - รัฐบาลเดินหน้าเต็มสูบ วางแผนลงทุนใน AI, EV และชิ้นส่วนอุปกรณ์รถ EV เสริมด้วย แผนผลิตบุคลากร AI กว่า 280,000 คนใน 5 ปี เพื่อรองรับความต้องการในตลาดอนาคต ด้าน AMATA เร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโรงไฟฟ้าและระบบน้ำ เตรียมพร้อมนิคมอุตสาหกรรมรองรับนักลงทุนต่างชาติ โบรกมอง หุ้นรับอานิสงส์ WHA, AMATA, BGRIM, GULF, INSET, BE8 เตรียมรับโอกาสครั้งใหญ่จากเม็ดเงินลงทุนมหาศาล           นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานรัฐบาลแพทองธารครบรอบ 90 วัน พูดถึงประเด็นในเรื่อง Future Investment หรือการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต ประเทศไทยต้องเป็น AI ฮับของภูมิภาค ที่มีการดึงดูดบริษัทการลงทุนใหญ่เข้ามา อย่างที่ผ่านมา google Microsoft และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เข้ามาลงทุน ทำให้ต่างชาติทั่วโลกมองเห็นแล้วว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเตรียมตัวสำหรับธุรกิจแห่งอนาคต แต่ยังมีข้อจำกัดที่ต้องมีการดูและและพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดของคน อาจจะยังขาดความรู้หรือความเชี่ยวชาญ (Know-how) ในการทำธุรกิจนี้  โดย AI ใน Future หรืออนาคตอันใกล้ มีบทบาทสำคัญต่อทุกคน ยิ่ง AI มีข้อมูลมากก็ยิ่งฉลาดมากขึ้น ยังช่วยในเรื่องของกำแพงภาษาสามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น และยังสามารถช่วยคิดวิเคราะห์ต่างๆ จะเป็นโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พี่น้องประชาชน ๆ สร้างงานให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษาที่จบใหม่ (first jober)  ถ้ารู้จักใช้ AI ให้เป็น           ดังนั้นรัฐบาลก็มีแผนลงทุนเพิ่มในธุรกิจอนาคต ไม่ว่าจะเป็น AI หรือ EA รวมไปถึงการทำชิ้นส่วนอุปกรณ์รถอีวี รวมไปถึงเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งประเทศไทยอาจจะค่อยๆ เริ่มแม้จะช้า แต่มองว่าไม่สายเกินไป และจะสร้างคนให้ไปเรียนทางด้านนี้ให้ไปเรียนระดับมหาวิทยาลัย 280,000 คน ภายใน 5 ปี เพื่อประเทศไทยให้พร้อมสำหรับธุรกิจในอนาคต โดยต้องมีการทำเรื่องของการประหยัดพลังงานด้วยเพื่อให้ราคาสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก           ข้อมูลจาก บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)หรือ AMATA เผย ประเทศไทยมีศักยภาพก้าวเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค ด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infra Tech) ที่แข็งแกร่ง ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด NVIDIA บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก เดินทางเยือนไทยเพื่อผลักดันเทคโนโลยี AI ในประเทศ           ปัจจุบันมีนักลงทุน โดยเฉพาะ กลุ่มนักลงทุนจีน เจรจาซื้อที่ดินในนิคมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ AMATA เดินหน้าขยายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโรงไฟฟ้าและระบบน้ำ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นในการลงทุนในไทย และขับเคลื่อนประเทศสู่ "AI Hub" ของภูมิภาค อย่างเต็มรูปแบบ           นอกจากนี้ AMATA ยังยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมและชุมชนรอบข้าง มุ่งเน้นพัฒนา "เมืองอัจฉริยะ" (Smart City) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมวางเป้าหมาย "เมืองเป็นกลางทางคาร์บอน" ภายในปี 2583 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยพื้นที่ที่พัฒนาแล้วลง 30% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562  และการเดินหน้าสู่ "AI Hub" ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก และตอกย้ำสถานะของไทยในฐานะ ศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง ในภูมิภาคนี้           นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ระบุว่าการที่ ประเทศไทยจะเดินหน้าในเรื่อง AI เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะเกิดการผลักดันในเรื่องของ Infra Tech ด้วยทีจะมารองรับการใช้งานของบริษัทเทคในอนาคตที่เข้ามาลงทุนในไทย และในอนาคตหากมีการเติบโตต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าจะสามารถช่วยทดแทนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่ เห็นการเติบโตลดลง โดยหุ้นกลุ่มแรกๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุน หรือดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทย คือ กลุ่มนิคมอุตสาหรรมที่จะสามารถขายที่ดินได้เพิ่มขึ้น และนำ WHA AMATA รวมไปถึง ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้าที่จะมีความต้องการจากการใช้ไฟฟ้าสะอาดทั้ง BGRIM GULF เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มที่เป็นซัพพลายหรือวางระบบ เช่น INSET BE8 เป็นต้น รายงาน ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว HoonVision

AI อนาคตไทย ชู BBIK , BE8 , SECURE รับอานิสงส์

AI อนาคตไทย ชู BBIK , BE8 , SECURE รับอานิสงส์

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ AI อนาคตของไทย และ มนุษยชาติ คุณ Jensen Huang ได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในงาน AI Vision for Thailand โดยได้ให้ความเห็นว่า AI จะเข้ามาเป็นปัจจัยหลักของทุกคนในอีก 3 ปี โดยมีเพียง 20 ประเทศในโลกที่เริ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโดยสิ่งที่สำคัญที่สุด           สำหรับการพัฒนา AI คือ ข้อมูล จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างปัญญาประดิษแบบพึ่งพาตนเอง (SovereignAI) ขึ้นในไทยเพื่อเป็นทรัพยากรอันล้าค่าของไทยเท่านั้นโดยจะผลักดันให้AI ถูกบรรจุในทุกมหาวิทยาลัย และ เตรียมสร้างนวัตกรรมใหม่ คือ ThaiAI และ ThaiGPT โดยใช้องค์ความรู้ของ NVIDIA เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในผู้ำด้านเทคโนโลยีของโลกพร้อมเดินหน้าสนับสนุนบริษัท Start Up AI ในไทยกว่า 60 แห่ง มองเป็นบวกกับหุ้นในห่วงโซ่อุปทาน AI เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กฯกลุ่ม ICT กลุ่มนิคมฯ กลุ่มโรงไฟฟ้า และ กลุ่มเทคโนโลยี เช่น BBIK , BE8 และ SECURE สำหรับกลยุทธ์การลงทุน 1.) Datacenter และ AI a)โทรคมนาคม:ADVANC, INTUCH, TRUE b)นิคมฯและโรงไฟฟ้า:AMATA,BGRIM,GPSC,GULF,WHA, ROJNA c)อื่นๆ: BBIK, BE8, SECURE, INSET,ITEL 2)Bit Coin : BROOK, TTA, JTS, XPG 3)มาตรการรัฐ+หวังมาตรการแก้หนี้: BBL,CPALL,CRC,KBANK,KTB,MTC,SCB, TTB4)ท่องเที่ยว :CENTEL,ERW,LH,MINT, SPA

เปิดโผ หุ้น AI โอกาสโต! DELTA-GULF-TRUE-INSET น่าจับตา

เปิดโผ หุ้น AI โอกาสโต! DELTA-GULF-TRUE-INSET น่าจับตา

           หุ้นวิชั่น - บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงในบทวิเคราห์ ถึงประเด็นที่ “เจนเซ่น หวง” (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เอ็นวิเดีย” (NVIDIA) ยักษ์ผู้ผลิตชิป AI ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เตรียมเยือนประเทศไทย ในงาน “AI Vision for Thailand” ภายใต้ธีม “The First Step for Thailand Sovereign AI” วันที่ 4 ธ.ค. 2567 ณ Embassy Room, Park Hyatt Bangkok พร้อมประกาศแผนลงทุน ดันไทยขึ้นฮับ AI ภูมิภาค ในงาน AI Vision for Thailand ทั้งนี้ธุรกิจของบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่อิงกับ NVIDIA ได้แก่ อีเล็คทรอนิคส์ คอมพิวเตอร์ , AI, Cloud และ Data Center เราคัด 3 หุ้นได้ประโยชน์ จากการนี้ ประกอบด้วย DELTA, GULF และ TRUE            ขณะที่ บริษัท หลักทรัพย์ บัว หลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง เมื่อการเยือนของ Jensen Huang ในเดือนธันวาคมนี้ใกล้เข้ามาแล้ว (คาดว่าสัปดาห์หน้า) ถึงเวลาแล้วที่จะมองไปที่เฟส 1 ของการเปลี่ยนแปลง Gen AI ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของความต้องการ GPU เมื่อข้อจำกัดในอุปทานทำให้ GPU ขาดแคลน ผู้ที่เริ่มต้นก่อนอย่าง JTS และ LTS จะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้อย่างมากในระยะนี้            JTS กำลังสร้าง GPU Farm และโมเดล AI Training โดยใช้ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับ KT เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ NVIDIA GPUs นอกจากการใช้งานของตนเองแล้ว แพลตฟอร์ม Gen AI ของ JTS จะทำหน้าที่เป็นสตูดิโอสำหรับการฝึกฝนและปรับใช้งานสำหรับลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งาน AI ได้โดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง            LTS: SIAM AI เป็นพันธมิตร Nvidia Cloud รายแรก (และรายเดียว) ของประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับ SIAM AI ทำให้ LTS ได้ประโยชน์จากการเป็นพันธมิตร ซึ่งช่วยให้เข้าถึง GPU ได้ก่อนใคร แตกต่างจากโมเดลการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม โมเดลปัจจุบันของ NVIDIA คือ "By Invitation Only" ซึ่งให้ข้อได้เปรียบแก่พันธมิตรในการได้รับ GPU ที่จัดสรรในตลาดที่มีข้อจำกัดนี้            INSET วางเป้าหมายปี 2025 เติบโตจากธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับ Cloud และ AI โดยมุ่งเน้นการลงทุนใน Data Center ในประเทศไทย จากความพร้อมด้านประสบการณ์ในการก่อสร้างส่วนงานอาคารหลายโครงการ และการเข้าร่วมประมูลงานจากผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในไทย โดยคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า นอกจากนี้ INSET ยังมีโอกาสลุ้นงานในกลุ่ม ICT ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายต่างๆ เพิ่มเติม            PROEN การเข้ามาของกลุ่ม DAMAC ผู้ให้บริการ Data Center ระดับโลกจากดูไบที่มีลูกค้าทั่วโลก ได้ประกาศลงทุนร่วมกับ PROEN ภายใต้แบรนด์ EDGNEX ด้วยเป้าหมายเริ่มต้น 20MW ในปี 2025-2026 (พร้อมที่ดินรองรับแล้ว) และขยายเพิ่มเป็นหลัก 100MW ในระยะยาว โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา PROEN ได้โอน OTT DC ขนาด 5MW ซึ่งเป็นโครงการแรกให้กลุ่ม DAMAC และรับรู้รายได้-กำไรในช่วง 4Q24 ซึ่งเพิ่มโอกาสให้ PROEN เห็นการ Turnaround ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป โครงการดังกล่าวจะเปิดให้บริการลูกค้าเฟสแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และเฟส 2-3 จะเปิดครบในกลางปี 2025 โดยจะมีรายได้จากบริการหลังการขายและระบบประมวลผลเพิ่มเติม

5 ข้อ ของผู้นำ AI  สู่องกร Digital Transformation

5 ข้อ ของผู้นำ AI สู่องกร Digital Transformation

          หุ้นวิชั่น - บริษัท อินไซท์เอรา จำกัด ผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้บริการด้าน Marketing Technology & Services ที่ครบวงจรแบบ End-to-End ตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทุกมิติ ได้ร่วมแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจในหัวข้อ “การใช้ AI และ Application อัจฉริยะเพื่อการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Digital Transformation)” ในงาน DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2024           นางสาวนารีรัตน์ แซ่เตียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อินไซท์เอรา จำกัด ได้เผยว่า “ทุกวันนี้ธุรกิจองค์กรทุกขนาดกำลังเผชิญกับการปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน  AI และ Application อัจฉริยะ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้งานและการทำงานภายในองค์กร โดยเฉพาะ Generative AI ที่สามารถพัฒนาความสามารถในการสร้างสรรค์และปรับเปลี่ยนเนื้อหาดิจิทัลที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็ว และแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยสร้างทางเลือกในการออกแบบ ปรับแต่ง และพัฒนาผลงานตามข้อกำหนดของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ผู้นำทุกธุรกิจองค์กรจึงควรเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับการใช้เทคโนโลยี AI และ Application อัจฉริยะเพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยี AI สำหรับธุรกิจองค์กรในอนาคต โดยควรมุ่งเน้นไปที่ 3 เรื่องหลัก ดังนี้ 1. การตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และระบุกรณีการใช้งาน AI ที่ชัดเจน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง 2. การจัดสรรทรัพยากรและโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับการรองรับ AI ทั้งในด้านบุคลากร เทคโนโลยี และข้อมูล 3. การติดตามและวัดผลลัพธ์ของการใช้งาน AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์และกระบวนการที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม” โดยควรเลือกใช้ Generative AI ที่เหมาะสมกับธุรกิจองค์กรนั้นๆ เพื่อให้ AI สามารถตอบสนองเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า โดยสามารถเลือกใช้ AI ให้เหมาะกับแต่ละธุรกิจองค์กรได้ เช่น ·       การใช้แอปพลิเคชันที่มี AI ฝังในตัว (Consume) ·       การนำ API ของ AI มาฝังในแอปพลิเคชันที่ใช้อยู่ (Embed) ·       การปรับแต่งโมเดล AI โดยใช้ข้อมูลเฉพาะขององค์กร (Extend) ·       การพัฒนาโมเดล AI เฉพาะที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรเอง (Build) ซึ่งหากจะนำ AI และ Application อัจฉริยะมาใช้เพื่อการตลาด เครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์มากมายในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาดได้เป็นอย่างดี ด้วยมิติความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการเลือกสร้างแคมเปญที่ตรงโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งการปรับแต่งการโฆษณา (Ad Optimization) การสร้างเนื้อหา (Content Creation) การทดสอบแคมเปญแบบ A/B ในวงกว้าง การวิเคราะห์อารมณ์และความรู้สึกของลูกค้า (Sentiment Analysis) รวมถึงการใช้ Chatbot อัจฉริยะเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที ซึ่งการผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับแคมเปญการตลาดจะช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ           อีกทั้งการที่ผู้นำธุรกิจองค์กรจะเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วย AI ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องอาศัย 5 องค์ประกอบ สำคัญ ดังนี้ 1. ต้องกำหนดวัตถุประสงค์และกรณีการใช้งาน AI ให้ชัดเจน 2. ต้องมีข้อมูลและระบบข้อมูลที่สามารถรองรับและประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. เลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่สอดคล้องกับการใช้งาน AI 4. บูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กรเพื่อสร้างความต่อเนื่อง 5. บุคลากรในองค์กรต้องมีวัฒนธรรมที่พร้อมยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงและเปิดโอกาสการเรียนรู้และพัฒนา” “หากธุรกิจองค์กรใดสามารถนำทั้ง 5 องค์ประกอบนี้มาใช้อย่างครบถ้วน ธุรกิจองค์กรนั้นก็จะสามารถบรรลุความสำเร็จในการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้อย่างยั่งยืน เพราะนับจากนี้ศักยภาพในการดำเนินงานของธุรกิจองค์กรจะสามารถวัดให้เห็นได้ ตั้งแต่การดำเนินงานตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น ถูกต้อง และรวดเร็วกว่าคู่แข่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแต้มต่อและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจองค์กรได้อย่างยั่งยืน” คุณนารีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

จีเอเบิล เขย่าโลก AI  เสริมศักยภาพองค์กรธุรกิจ

จีเอเบิล เขย่าโลก AI เสริมศักยภาพองค์กรธุรกิจ

          หุ้นวิชั่น – จีเอเบิล ยังคงมุ่งพัฒนาศักยภาพดิจิทัลโซลูชันควบคู่กับการสร้างความพร้อมในการรับมือทุกความท้าทายให้แก่ภาคธุรกิจองค์กร ก้าวสู่เป้าหมายอนาคตด้วย AI Ready Organization จึงได้รวมพลเหล่ากูรูด้านเทคสายต่างๆ ของจีเอเบิลทั้ง Cloud, MarTech, Gen-AI Solution, ERP, CRM และ Cybersecurity มาร่วมเผยทุกศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับ AI เพื่อนำพาทุกธุรกิจองค์กรให้พร้อมสู่ Digital Transformation อย่างยั่งยืน มาโชว์ในงาน DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2024           ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะที่ จีเอเบิล เป็นผู้นำด้าน Tech Enabler ในประเทศไทย มองว่าความท้าทายของธุรกิจองค์กรที่จะต้องเจอต่อจากนี้ ไม่ใช่แค่การทำ Digital Transformation ในรูปแบบที่แค่การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในองค์กรเพียงอย่างเดียว เพราะจะไม่เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการ แต่จะต้องสร้างความพร้อมในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในอนาคตอันใกล้ให้พร้อมเสียก่อน ดังนั้นทุกธุรกิจองค์กรจึงควรให้ความสนใจและใส่ใจในเรื่องของ AI Readiness อย่างจริงจังก่อน จึงจะสามารถสร้างความพร้อมสู่การนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจองค์กรได้อย่างยั่งยืน เพราะสิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนสู่การเชื่อมต่อเทคโนโลยี AI ในอนาคตที่ธุรกิจองค์กรส่วนใหญ่มักจะมองข้าม คือ ข้อมูล (Data), เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ระบบ Cybersecurity รวมถึง Business Application ที่กำลังเป็นที่ต้องการของธุรกิจองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ฯลฯ ซึ่งในงาน DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2024 ในครั้งนี้ จีเอเบิล ได้คัดสรรเหล่ากูรูผู้เชี่ยวชาญตัวท็อปในแต่ละสายงานเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การนำพาธุรกิจองค์กรสู่ยุค AI มาร่วมแชร์หัวข้อที่น่าสนใจ บนเวที อาทิ ·      เทคโนโลยี Cloud ในหัวข้อ Building a Sustainable Cloud Foundation: The Journey to Cloud and Cost Efficiency โดย คุณธีระพงษ์ จันทร Vice President และคุณศรุต อัศวกุล Vice President - Cloud Business Development บริษัท จีเอเบิล จำกัด มหาชน ·      เทคโนโลยี MarTech ในหัวข้อ Leveraging AI & Intelligent Apps for Digital Transformation) โดย คุณนารีรัตน์ แซ่เตียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อินไซท์เอรา จำกัด ·      เทคโนโลยี Cybersecurity ในหัวข้อ Securing the AI Frontier: Strategies for Safe and Secure Digital Innovation โดยคุณอัตพล พยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยี บริษัท ไซเบอร์จีนิคส์ จำกัด ·      เทคโนโลยี Gen AI ในหัวข้อ Gen-AI Solutions from First Logic โดยคุณรณกร มาเมือง Senior Data Processing & Analytics Solution Manager บริษัท เฟิร์ส ลอจิก จำกัด ·      เทคโนโลยี ERP ในหัวข้อ GROW without Limits with SAP โดยคุณวิเชียร ลัญฉนะวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด ·      เทคโนโลยี CRM ในหัวข้อ Salesforce - Make AI works for your business โดยคุณรบส สุวรรณ-มาศ Salesforce Solution Engineering Manager บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด “ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการเป็นผู้สร้างระบบเทคโนโลยีที่สำคัญและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จขององค์กรขนาดใหญ่ในหลายภาคอุตสาหกรรมมาตลอด 35 ปีของจีเอเบิล เรามั่นใจในศักยภาพด้านการให้บริการด้านเทคโนโลยีที่ครบวงจรแบบ One Stop Service มาโดยตลอด ซึ่งนับจากนี้ไปการให้บริการ ของจีเอเบิลจะยิ่งครอบคลุมทุกความต้องการของภาคธุรกิจองค์กรยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะต่อยอดและขยายบริการที่ตอบโจทย์การใช้เทคโนโลยีอย่าง Business Application ในการเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมให้พร้อมรับกับยุค AI” ดร.ชัยยุทธ กล่าว