#หุ้นอสังหา


ส่องหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แนวโน้มปีหน้า รอดหรือร่วง?

ส่องหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แนวโน้มปีหน้า รอดหรือร่วง?

         หุ้นวิชั่น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้นกลุ่มอสังหาฯ โดยประเมินจากการสอบถามเบื้องต้นของเรา พบว่าบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ที่เราศึกษาอยู่ น่าจะรายงานพรีเซล (ยอดจอง) รวมใน 4Q67F ชะลอตัวราว 8-10% QoQ และ 20% YoY ขณะที่ผลประกอบการรวม 4Q67F ที่กําลังจะประกาศก็น่าชะลอตัวในธุรกิจหลักด้วย ตามพรีเซลที่ซบเซา แต่ทว่า การขายสินทรัพย์ของ Land and Houses (LH.BK/LH TB)* อาจช่วยดันกําไรสุทธิของกลุ่มอสังหา ฯใน 4Q67F ให้เติบโต QoQ ด้วยเหตุจากปัจจัยมหภาค เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและ GDP ที่ฟื้นตัว มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เราเห็นความเสี่ยงด้านลบ(downside) ต่อประมาณการพรีเซลและกําไรทั้งปีของเราในปี 2567F-2568F  นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจในกลุ่มอสังหา ฯ ยังคงมีความระมัดระวังต่อแนวโน้มปี 2568F ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงให้น้ำหนักลงทุน "เท่ากับตลาด ฯ" ส่วนในระยะสั้น ฝ่ายวิจัยมองว่า AP Thailand (AP.BK/AP TB)*, Quality Houses (QH.BK/QH TB) และ Pruksa (PSH.BK/PSH TB) จะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดูน่าสนใจอยู่ระหว่าง 5.8-6.4%            ฝ่ายวิจัยประเมินว่ากําไรหลักโดยรวม 4Q67F ที่จะประกาศออกมามีแนวโน้มชะลอตัวจากพรีเซลย่ำแย่ แต่การขายสินทรัพย์ของ LH อาจช่วยดันให้กําไรสุทธิรวม 4Q67F ของกลุ่มเติบโต QoQ (Figure 2) ขณะที่เห็น downside ต่อประมาณการการเติบโตกําไรรวมที่ -22% YoY ในปี2567F และ +9% YoY ในปี 2568F ตามแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคแย่ลงในปีหน้า สําหรับระยะสั้น เรามองว่า AP (แนะนําซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท), QH (แนะนําถือ ราคาเป้าหมายที่ 2.10 บาท) และ PSH (แนะนําถือ ราคาเป้าหมายที่10.00 บาท) จะมีdividend yield ดูสูงน่าสนใจอยู่ราว5.8-6.4%  ความเสี่ยงด้านบวกประกอบด้วย sentiment ดีขึ้นและความคาดหวังนโยบายใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระตุ้นภาคอสังหา ฯ จากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านลบได้แก่ ความเป็นไปได้ในการขึ้น ค่าแรงขั้นต่ํา มาตรการควบคุมสินเชื่อทั้งก่อนและหลังด้วยการยืดหนี้สินในระดับสูงของภาคครัวเรือน การเร่งตัวขึ้นของหนี้เสีย NPL และความกังวลปัจจัยเสี่ยงด้านสภาพคล่องของบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯขนาดกลางถึงรายเล็กหลังจากเกิดการผิดนัดชําระการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน หลายรายล่าสุด

KGI อัพเดทหุ้นอสังหาฯ คาดฟื้นตัวปี 68 หุ้นไหนปังเช็กด่วน!

KGI อัพเดทหุ้นอสังหาฯ คาดฟื้นตัวปี 68 หุ้นไหนปังเช็กด่วน!

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อัปเดตกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนวโน้มกำไร 4Q67F และ 2568F หลัง กำไร 3Q67 ซบเซา (-12% YoY แต่ +2% QoQ) ขณะที่รายได้ 9M67 แย่ลง 25% YoY อยู่ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าอาจมีการฟื้นตัวใน 4Q67F หลัก ๆ มาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนและเป็นช่วงที่ยอดขายสูงสุดของปีในภาคอสังหา ฯ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ สังเกตเห็นมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. 67 ขณะอัตราการปล่อยขายหรือเช่า (take-up rate) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2567F หดตัว 22% YoY จากนั้นจะกลับมาโต 9% YoY ในปี 2568F ในขณะเดียวกัน มองว่ายังมีความเสี่ยงด้านลบจากสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่อ่อนแอ           แรงหนุนสั้น ๆ จะมาจากโอกาสในการขยายมาตรการกระตุ้นอสังหา ฯ ต่อและเงินปันผลครึ่งปีหลัง เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในการขยายมาตรการกระตุ้นอสังหา ฯ ในปัจจุบันต่ออีกซึ่งรวมถึงการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์บ้านจาก 2% เหลือ 0.01%และค่าจดทะเบียนการจดจำนองอสังหา ฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับผู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อยูนิต (คร่าว ๆ ราว 70-80% ของตลาดรวม) ซึ่งจะหมดอายุภายในสิ้นปี 2567 อาจถูกขยายเวลาออกไปอีกหนึ่งปี อีกทั้งรัฐบาลยังกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ยังคาดหวังว่าเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ ที่จดทะเบียนในตลท. ที่ศึกษาอยู่จะให้ dividend yield น่าดึงดูดใจอยู่ระหว่าง 2.5-6.2% ปัจจัยมหภาคเชิงบวกกำลังมีมาอย่างช้า ๆ สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP ได้ลดลงมาอยู่ที่ 89.6% ใน 3Q67 ซึ่งต่ำกว่า 90% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 แต่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารยังไม่พีค และความสามารถของครัวเรือนในการชำระหนี้ยังคงแย่ลง ในขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันก็มีจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้อัตราการปฏิเสธและยกเลิกสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับสูง กล่าวคือ ราว 50-70%  สำหรับกลุ่มผู้ซื้อบ้านระดับกลางถึงล่างและมากกว่า 30% สำหรับกลุ่มระดับกลางถึงบน อย่างไรก็ตามประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงอีก 3 ครั้ง ๆ ละ 25 bps ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าโดยรวมที่ 100 bps ทั้งนี้ประมาณว่าการฟื้นตัวของ GDP ในปี 2568F อาจเป็นไปอย่างช้า ๆ ที่ 2.8% จาก 2.6% ในปี 2567F พรีเซล (ยอดจอง) ปี 2567F ของบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ 10 รายน่าจะทรงตัวราว ± 2.70 แสนล้านบาท ก่อนหน้านี้ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) คาดว่าการเปิดโครงการใหม่ ๆ และยูนิตขายจะลดลง 34% YoY (11M67: -41% YoY) และ 24% YoY (11M67: -57% YoY) ตามลำดับในปี 2567F การที่ตัวเลขต่าง ๆ จนถึงปัจจุบันอ่อนแอกว่าคาดมาก โดยยูนิตขายและการเปิดโครงการใหม่ ๆ ในปี 2567F อาจเป็นต่ำสุดในรอบทศวรรษ ส่วนปี 2568F ทาง AREA คาดว่าจะมีการฟื้นตัวปานกลางราว 10% YoY ส่วนโครงการคอนโด ฯ อาจฟื้นตัวขึ้นเพราะจำนวนโครงการคอนโด ฯ คงค้างลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ Valuation & Action           ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำซื้อ AP Thailand (AP.BK/AP TB)* ประเมินราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท โดย APน่าจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายปี 2567F ที่ 0.54 บาทต่อหุ้น เป็นนัยว่า dividend yield อยู่ราว 6.2% ส่วน Quality Houses (QH.BK/QH TB) และ Pruksa Holding (PSH.BK/PSH TB) แนะนำถือ โดยน่าจะมี dividend yield ปี 2567F ราว 5.5-5.6% นอกจากนี้ คาด Supalai (SPALI.BK/SPALI TB)* และ Landand Houses (LH.BK/LH TB)* จะให้ dividend yield งวดสุดท้ายอยู่ระหว่าง 3-4% และ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำขายสำหรับ Origin Property (ORI.BK,ORI TB) และ LPN Development (LPN.BK, LPN TB) Risks           ความเสี่ยงด้านบวกประกอบด้วย sentiment ดีขึ้นภายหลังจากการประกาศมาตรการกระตุ้นภาคอสังหา ฯ ใหม่จากรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงด้านลบ ได้แก่ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและมาตรการก่อนและหลังการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดท่ามกลางหนี้สินในระดับสูงของภาคครัวเรือน, การเร่งตัวขึ้นของ NPL และความกังวลปัจจัยเสี่ยงด้านสภาพคล่องของบริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ ขนาดกลางถึงรายเล็กหลังจากเกิดการผิดนัดชำระการจ่าย ดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนหลายราย

โบรกฯส่อง “กลุ่มอสังหาฯ” คาด Q3 ฟื้นตัว แนะ AP-SPALI-SC

โบรกฯส่อง “กลุ่มอสังหาฯ” คาด Q3 ฟื้นตัว แนะ AP-SPALI-SC

          หุ้นวิชั่น – บล.เอเชียพลัส จับตาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ มองแนวโน้ม Q3/67 คาดกำไรปกติของ 14 บริษัทรวม 7.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% QOQ จากการส่งมอบของ BACKLOG คงค้างแนวราบ และการโอนกรรมสิทธิ์ที่มากขึ้นของคอนโดฯใหม่ ทั้งของบริษัทเองและร่วมทุน หนุนยอดโอนฯ และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ชดเชยกับการแข่งขันในตลาดสูงขึ้น นำสู่การใช้กลยุทธ์ด้านราคา คาดกดดันมาร์จิ้นขายอ่อนตัวและเป็นเหตุหลักที่กดดันกำไรกลุ่มฯคาดลดลง 7% YOY กำไรรายบริษัท คาด AP, ORI, PSH และ LALIN เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มฯ คือ ดีขึ้น QOQ แต่ลดลง YOY ต่างจากกำไรของ ASW คาดลดลง QOQ (แต่เติบโต YOY)           ขณะที่ SPALI, SC และ ANAN ดีกลุ่มฯ โดยคาดกำไรเพิ่มขึ้น YOY และ QOQ สวนทางLH, SIRI, QH และ LPN คาดอ่อนตัวทั้ง YOY และ QOQ ทิศทางกำไรปกติ Q4/67 คาดเติบโตต่อเนื่อง QOQ สนับสนุนด้วย BACKLOG ที่คงค้างจากสิ้น Q3/67 , การเปิดโครงการใหม่เพิ่ม (ปกติไตรมาส 4 เปิดมากสุดของปี) ,ส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนฯ, การจัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกของผู้ประกอบการ ตลอดจนโค้งสุดท้ายของมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนฯ-จด จำนองสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาทก่อนจะสิ้นสุดปีนี้ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยที่ลดลง คาดเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อผลประกอบการ Q4/67 มีกำไร สูงสุดของปี            คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่ม เลือกหุ้นเด่นที่มีการกระจายของพอร์ตสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดฯ รวมถึงทิศทางผลประกอบการ Q3/67 ที่ยังดีกว่ากลุ่มฯ ได้แก่ AP ให้ราคาเป้าหมายที่ 14.20 บาท  -  SPALI ให้ราคาเป้าหมายที่ 23.00 บาท   -  SC ให้ราคาเป้าหมายที่ 3.46 บาท

โบรกมองบวกหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธปท. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

โบรกมองบวกหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธปท. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี มีมุมมอง slightly positive ต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ การที่ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพราะมีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกลุ่มฯ ทั้งจาก i) ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของกลุ่มฯ ที่ลดลง ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิ 2025F มีโอกาส downside ที่ลดลง โดยดอกเบี้ยที่ลดลงทุก 25 bps จะมีผลต่อดอกเบี้ยจ่ายที่คาดว่าจะลดลงราว 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะมีผลต่อ upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิ 2025F ของกลุ่มฯ ราว 1.2% (เทียบปี 2025F ที่ราว 33.3 พันล้านบาท) โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากคือกลุ่มที่ฐานกำไรต่ำ (ANAN, LPN) และกลุ่มที่มีดอกเบี้ยจ่ายสูง (SC, ORI) ตามลำดับ รวมถึง ii) ผลบวกจากความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ที่ลดลง ทำให้ผู้กู้มีโอกาสกู้ผ่านได้มากขึ้น ซึ่งช่วยด้าน demand ทางอ้อม เราคง Neutral sector rating โดยมองว่าสถานการณ์ทั้งด้าน demand และ % GPM ยังอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก โดยปัจจัยบวกของกลุ่มฯ อาจต้องคาดหวังจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากภาครัฐ ซึ่งอาจเห็นในช่วงปลาย 4Q24F เราเลือกหุ้นแบบ bottom up จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยให้ SIRI (TP = 2.20) เป็น top pick สำหรับการลงทุนปี 2025F ในขณะที่ AP (TP = 11.70) เด่นสำหรับการลงทุนระยะสั้น Comment กรณี ธปท. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%            มุมมอง slightly positive จากการที่ ธปท. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพราะมีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกลุ่มฯ จาก i) ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของกลุ่มฯ ที่ลดลง ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิ 2025F มีโอกาส downside ที่ลดลง ii) ความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ลดลง ทำให้ผู้กู้มีโอกาสกู้ผ่านได้มากขึ้น ซึ่งช่วยด้าน demand ทางอ้อม            ปัจจุบัน cost of debt เฉลี่ยของกลุ่มฯ เท่ากับ 3.7% โดยทุก 25 bps ที่ลดลง (อิงเฉพาะสัดส่วนเงินกู้จาก bank loan) จะมีผลต่อดอกเบี้ยจ่ายที่คาดว่าจะลดลงราว 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะมีผลต่อ upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มฯ ราว 1.2% (เทียบปี 2025F ที่ราว 33.3 พันล้านบาท) โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากคือกลุ่มที่ฐานกำไรต่ำ (ANAN, LPN) และกลุ่มที่มีดอกเบี้ยจ่ายสูง (SC, ORI) ตามลำดับ            สำหรับความสามารถในการกู้ของผู้กู้ที่มากขึ้นอาจยังประเมินได้ค่อนข้างยากในช่วงแรก แต่ส่วนใหญ่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มในตลาดกลาง-กลางบน เพราะยังเป็นกลุ่มที่กู้ได้และธนาคารยังอนุมัติปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทที่มี portfolio ในส่วนนี้มากคือ AP และ SPALI            มาตรการดอกเบี้ยที่ลดลงเรามองว่าจะช่วยจำกัด downside risk ของประมาณการกำไรสุทธิ 2024-25F จากต้นทุนดอกเบี้ยที่บริษัทในกลุ่มฯ ลดลง แต่เราไม่ได้คาดหวัง incremental demand จากส่วนนี้ โดย incremental demand เราคาดหวังนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งอาจมีตามมาในช่วงเดือน Dec-24 เนื่องจากมาตรการรัฐเดิม ความเห็นและคำแนะนำ            คง Neutral sector rating สถานการณ์โดยรวมของกลุ่มฯ มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะด้านต้นทุน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดยังคาดหวังปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะแผนการกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากภาครัฐ หรือการปรับลดเงื่อนไข LTV ให้เข้มงวดน้อยลง ซึ่งอาจจะช่วยด้าน demand side            เรามองการเลือกหุ้นแบบ bottom up จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยให้ SIRI (TP = 2.20) เป็น top pick สำหรับการลงทุนปี 2025F จากการเพิ่ม market share ได้ต่อเนื่อง และมีโอกาสที่กำไรปกติจะทำ new high ได้ ในขณะที่ AP (TP = 11.70) เด่นสำหรับการลงทุนระยะสั้นจากจุดเด่นเรื่องแนวโน้มกำไรสุทธิ 2H24F ดี โดยทั้ง SIRI และ AP เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยค่อนข้างมากเช่นกัน

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน