#ปตท.


ปตท. เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดสวน “เปรมประชาวนารักษ์”

ปตท. เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดสวน “เปรมประชาวนารักษ์”

          หุ้นวิชั่น - วันนี้ (10 ธ.ค. 2567) - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” ซึ่ง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดสร้างเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ชลวิถีธีรพัฒน์” ณ พื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร โดยมี คณะองคมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้บริหารและพนักงานกลุ่ม ปตท. และประชาชนทุกหมู่เหล่า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ          นายคงกระพัน อินทรแจ้ง เปิดเผยว่า ปตท. ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ พร้อมภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ รับสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยในการดำเนินโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบายด้านการพัฒนาสายน้ำ คูคลอง สิ่งแวดล้อมเมือง และคุณภาพชีวิตประชาชน จึงร่วมกันพัฒนาโครงการคลองเปรมประชากรให้มีความมั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และร่วมพัฒนาพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดย ปตท. จัดสรรพื้นที่จำนวน 10 ไร่ ซึ่งจากเดิมเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า นำมาออกแบบจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ บอกเล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ต่อประชาชน ใช้เวลาสร้างจนแล้วเสร็จประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่ มีนาคม - กรกฎาคม 2567 ซึ่งภายในสวน ประกอบด้วย สวนสาธารณะ อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ‘ชลวิถีธีรพัฒน์’ และท่าเรือ จนวันนี้กลายเป็นสวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ทั้งเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สันทนาการ เชื่อมโยงวิถีชุมชนโดยรอบ และมีเส้นทางสัญจรที่เชื่อมต่อระบบล้อ (ถนนวิภาวดีรังสิต) ราง (สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง-ทุ่งสองห้อง) เรือ (คลองเปรมประชากร) และทางอากาศ ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานชื่อสวนแห่งนี้ว่า “เปรมประชาวนารักษ์” อันหมายถึง สวนที่นำความสุขและความเบิกบานใจมาสู่ประชาชน โดยได้รับการดูแลรักษาด้วยความรัก และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ   ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ไปประดิษฐานที่ป้ายชื่อสวนสาธารณะ พร้อมกับทรงปลูกต้นประดู่ป่า จำนวน 1 ต้น ซึ่งเพาะเมล็ดจากต้นประดู่ป่าที่ทรงปลูกต้นที่ 100 ล้าน ณ แปลงปลูกป่า FPT 49 ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิม  พระเกียรติฯ ของ ปตท. ต.ลำนางแก้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2540 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นพิกุล จำนวน 1 ต้น เพื่อเป็นสิริมงคล เสริมส่งความร่มเย็นในพื้นที่สวนแห่งนี้ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรอาคารนิทรรศการ “ชลวิถีธีรพัฒน์” การพัฒนาสายน้ำของผู้เป็นปราชญ์แห่งแผ่นดิน นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเผยแพร่โครงการในการสืบสาน รักษา ต่อยอด การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต บรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร ผ่านการนำเสนอโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบาย โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 10 โครงการทั่วประเทศ ได้แก่ โครงการพัฒนาคลองเปรมประชากร  โครงการพัฒนาถนนวิภาวดีรังสิต โครงการพัฒนาคูคลองในเกาะรัตนโกสินทร์และคลองรอบกรุง โครงการพัฒนาสระบ่อดินขาว จังหวัดนครสวรรค์  โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการพัฒนาบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร โครงการพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์  โครงการพัฒนาหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี โครงการพัฒนาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่  และ โครงการพัฒนาเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการกลางแจ้ง “สายธารพระบารมีจักรีวงศ์” ร้อยเรียงเรื่องราวของ ปตท. บนเส้นทางการสนองแนวพระราชดำริ เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน และการแสดงละครเพลง “สายนทีแห่งราชัน เดอะ มิวสิคัล” ละครเพลงชีวิตริมสายน้ำที่ดีขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณ โดยความร่วมมือของ ศิลปินแห่งชาติ และ ศิลปินศิลปาธร ผสมผสานด้วยการบรรเลงจากวงดนตรี รอยัล แบงค์คอก ซิมโฟนี ออร์เคสตร้า (Royal Bangkok Symphony Orchestra: RBSO) และนักแสดงกว่า 60 ชีวิต พร้อมด้วยมัลติมีเดียพิเศษ 3D Mapping เต็มรูปแบบ          ปตท. ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการเพื่อสังคม สืบสานพระราชปณิธาน ด้วยวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ให้เติบโตเคียงข้างกันอย่างมั่นคง ยั่งยืนสืบไป

กลุ่ม ปตท. และ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท.     พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานสะอาด

กลุ่ม ปตท. และ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานสะอาด

          หุ้นวิชั่น –  วันนี้ (21 พฤศจิกายน 2567) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum จัดขึ้นโดยความร่วมมือของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกลุ่ม ปตท. ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 เพื่อนำเสนอบทวิเคราะห์และแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมัน สถานการณ์พลังงาน และความท้าทายที่กระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน หรือ “PRISM Experts” นับเป็นความร่วมมือที่ช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูล แลกเปลี่ยนมุมมองความคิด จากผู้เชี่ยวชาญในสาขาพลังงานทั้งจากภาครัฐ และเอกชน โดยสถานการณ์พลังงานของโลกในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตลอดจนกฎระเบียบ นโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ ส่งผลให้ทั่วโลกและประเทศไทยต้องหันมาให้ความสำคัญ และตระหนักในเรื่องของพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง รวมทั้งกลุ่มธุรกิจพลังงานและธุรกิจอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้องต่างต้องมีการปรับตัว และร่วมกันขับเคลื่อนพลังงานของประเทศไทยภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น งานในปีนี้จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Regenerative Thailand with Cleanergy: คิดนำ ล้ำหน้า ขับเคลื่อนอนาคตไทย ด้วยพลังงานสะอาด” สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกลุ่ม ปตท. ที่มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้ประเทศไทยแข็งแรงและเติบโตในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน           นางรุ่งนภา จันทร์ชูเกียรติ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยได้มีการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน มีการเตรียมพร้อมในการจัดหาน้ำมันดิบ รองรับสถานการณ์ความผันผวน และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อให้มีปริมาณการผลิตเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ นอกจากนี้ กลุ่มโรงกลั่นได้เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด โดยพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ที่มีค่ากำมะถันต่ำ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย            ภายในงาน ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Experts) ได้กล่าวถึงความต้องการใช้น้ำมันในปี 2568 ว่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แต่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของสงครามการค้าจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาท่านใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกได้ ในส่วนของอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม Non-OPEC+ ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล และกายอานา และกลุ่ม OPEC+ มีแผนจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิต ขณะเดียวกันท่ามกลางความไม่แน่นอนของความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐอเมริกาหลังการเลือกตั้ง รวมไปถึงมาตรการการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่านที่เข้มข้นขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบใน ปี 2568 ยังคงมีความผันผวนและเคลื่อนไหวในกรอบ 70 - 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล           นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ “สถานการณ์โลกเรื่องพลังงาน หลังเลือกตั้ง USA” และเวทีเสวนา “Future Energy in Thailand” โดยมี นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายนินนาท           ไชยธีรภิญโญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และนายกสมาคมไฮโดรเจนประเทศไทย ดร.กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายนภสิทธิ์ ชัยวรรณคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานเทคโนโลยี คาร์บอนโซลูชั่นและการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานทุกรูปแบบ ที่ผนึกกำลังร่วมกันแบ่งปันองค์ความรู้และมุมมองในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานสะอาดของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลังพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลังพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน วานนี้ (31 ตุลาคม 2567) ผู้บริหารกลุ่ม ปตท. นำโดย ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (กลาง) ลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กลุ่ม ปตท. อาทิ การดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ผลักดันโมเดลการพัฒนา Eastern Thailand CCS Hub ยกระดับความร่วมมือการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ การทำธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ร่วมกันในกลุ่ม ปตท. และศึกษาการเพิ่มมูลค่าวัสดุคาร์บอน           นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. จะแบ่งปันประสบการณ์ด้านการลงทุนและแสวงหาความร่วมมือเพื่อต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมใหม่ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและพัฒนา อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา และผลิตภัณฑ์ภายใต้บัญชีนวัตกรรม มุ่งวางรากฐานและขับเคลื่อนนวัตกรรมกลุ่ม ปตท. และประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมี ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และนายสวรา แขวงโสภา กรรมการ บริษัท เอ็กซ์เพรสโซ เอ็นบี จำกัด ร่วมพิธีลงนาม

ปตท. มอบรางวัลประกวดศิลปกรรม “พลังที่ส่งต่อ” ครั้งที่ 39  ส่งเสริมเวทีแห่งโอกาสด้านศิลปะ

ปตท. มอบรางวัลประกวดศิลปกรรม “พลังที่ส่งต่อ” ครั้งที่ 39 ส่งเสริมเวทีแห่งโอกาสด้านศิลปะ

          ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 39 ประจำปี 2567 ในหัวข้อ “พลังที่ส่งต่อ” รวม 24 รางวัล และรางวัลประติมากรรมสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ “ชลวิถี นทีพัฒน์” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จำนวน 3 รางวัล เพื่อส่งต่อพลังใจให้กับศิลปินที่รังสรรค์ผลงาน ให้เติบโตเป็นบุคลากรชั้นนำในวงการศิลปะ           ดร.คงกระพัน กล่าวว่า ตลอด 39 ปีที่ผ่านมา ปตท. ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร สนับสนุนเวทีแห่งโอกาสในการสร้างศิลปินรุ่นใหม่ผ่านโครงการประกวดศิลปกรรม เพื่อให้เยาวชนรวมถึงกลุ่มคนรักศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานทั้งประเภทจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และทัศนศิลป์อื่น ๆ ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดหัวข้อการประกวดคือ “พลังที่ส่งต่อ” เพื่อให้ศิลปินได้ถ่ายทอดผลงานที่จะสร้างกำลังใจและพลังให้กับคนไทยในการขับเคลื่อนประเทศและในปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดรับผลงานประเภทดิจิทัลอาร์ต 2 มิติ โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทุกประเภทรวมทั้งสิ้น 1,126 ชิ้น จากศิลปิน 1,065 คน แบ่งเป็นรางวัลยอดเยี่ยม (PTT Art Grand Prize Award) และรางวัลดีเด่น (PTT Art Winner Awards) รวม 24 ผลงาน           นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดการประกวดประติมากรรมสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ 3 มิติ ภายใต้หัวข้อ “ชลวิถี นทีพัฒน์” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอด พระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแก่ราษฎร พัฒนาสายน้ำหลากหลายสายให้กลับคืนมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีศิลปินร่วมส่งผลงาน 81 ราย รวมจำนวนผลงานแบบเดี่ยวและกลุ่ม 41 ชิ้น โดยได้คัดเลือกผู้ชนะจำนวน 3 รางวัล           การประกวดศิลปกรรม ปตท. นับเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ผ่านทัศนคติและการตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของวงการศิลปะไทย ทั้งยังได้ร่วมพัฒนาวงการศิลปกรรมร่วมสมัยของประเทศ ด้วยการเผยแพร่ผลงานการประกวดต่อสาธารณชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนัก เข้าใจถึงความสำคัญในการร่วมสืบสาน และจรรโลงสังคมไทยให้มีวัฒนธรรมที่ดีงามและยั่งยืน โดย ปตท. ยังเชื่อมั่นว่าศิลปะจะช่วยพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อก้าวเป็นพลังไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณค่าต่อสังคม           ทั้งนี้ ปตท. ขอเชิญชวนร่วมชื่นชมและให้กำลังใจ ผลงานของศิลปินที่ได้รังสรรค์ผ่านนิทรรศการ “พลังที่ส่งต่อ” ได้ที่ PTT Art Gallery ณ บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร ตลอดเดือนตุลาคม 2567 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน