หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี คาดตลาดหุ้นไทย พ.ย. 2567 คาด “Up” จากแรงหนุน:
1) ตลาดมีการปรับสถานะลดความเสี่ยงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ไปแล้วช่วงปลาย ต.ค. 2024 UST 10 ปี ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเกือบ 80bps ที่ 4.3-4.4% สะท้อนความเสี่ยงต่อ Trump 2.0 แบบ Red Sweep ไปแล้ว เนื่องจากวงจรดอกเบี้ยของกลุ่ม OECD ยังเป็นแนวโน้มขาลงจากเงินเฟ้อคลายตัว ดังนั้นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ว่าจะผู้ชนะเป็นคุณ Trump หรือคุณ Harris สินทรัพย์ต่างๆ จะเริ่ม Rally ตอบรับ Honeymoon Period ของผลการเลือกตั้งไปยังปลายปี สอดคล้องกับสถิติการเลือกตั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมาซึ่ง S&P500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 1 เดือนหลังการเลือกตั้งสูงถึง 0.43% และ SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.45% หลังการเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุด คาดว่าตลาดจะเริ่มประเมินผลกระทบการปรับใช้นโยบายต่างๆ ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า
2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่จะมีความชัดเจนหลังประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) วันที่ 4-8 พ.ย. ที่เลื่อนประชุมมา น่าจะเกิดจากการรอผลเลือกตั้งสหรัฐฯ เพื่อประเมินผลกระทบเชิงนโยบายเพิ่มเติม และเพื่อพิจารณาขนาดของเม็ดเงินที่เหมาะสม สะท้อนการต้องการใช้นโยบายเชิงรุกมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีน เดือน ก.ย.-ต.ค. 2024 เริ่มฟื้นตัวทั้งตลาดที่อยู่อาศัย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และทิศทางยอดขายรถยนต์ น่าจะทำให้รัฐบาลจีนมุ่งไปเสริมการลดหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ราว 2-6 ล้านล้านหยวน
3) ประเมินจากผลโพลล์กลางและอัตราต่อรองจากแหล่งรับพนันถูกกฎหมาย กรณีคุณ Trump มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง 65% ภาพรวมประเทศกลุ่ม TIPs ที่อยู่ในฐานในปัจจุบันซึ่งมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากสัดส่วนรายได้บริษัทจดทะเบียนโดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ต่ำกว่า 2% น้อยกว่า EM อื่นๆ ผสานนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเป็นกลาง และตลาดหุ้นยังมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราว 1-2 เท่า
4) ส่วนภายในประเทศ แม้ช่วง 3Q24 GDP และกำไรตลาดไม่เด่นมาก แต่สัญญาณการเบิกจ่ายงบประมาณและงบลงทุนที่เร่งขึ้นในเดือน ต.ค. 2024 ดีกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งภาคบริการเร่ง จะเห็น Outlook บวกในไตรมาส 4 หนุน
5) Domestic Long Term Funds 2 ส่วน i) เม็ดเงินจากวายุภักษ์ทยอยซื้อวันละ 1-2 พันล้านบาท น่าจะเร่งขึ้นหลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ (ล่าสุดคาดซื้อไปแล้วราว 3.5 - 4.5 หมื่นล้านบาท) น่าจะมีแรงประคองตลาดไปอีกราวๆ 3 เดือน ii) ThaiESG Funds คาดเม็ดเงินเข้ามาใน 2 เดือนสุดท้ายราว 2 หมื่นล้านบาท
6) คาดหุ้นไทยใน MSCI จำนวน 20 ตัวจากทั้งหมด 28 ตัว จะถูกเพิ่มน้ำหนัก และคาดหลุดจากดัชนี 1 ตัว คือ SCGP ซึ่งจะหนุนตลาดช่วงปลายเดือน โดย GULF, DELTA, INTUCH, CRC, TRUE, CPN, KTB, CPAXT, BH, SCB, AOT, ADVANC จะถูกเพิ่มน้ำหนักมากสุด
ความเสี่ยง: เสถียรภาพการเมืองไทย หลังเริ่มมีการฟ้องร้องและการพิจารณาคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย
NOVEMBER 2024 Portfolio: ADVANC, BJC, BTS, GULF, GPSC, IVL, ADVICE
กลยุทธ์ KSS Portfolio เดือน ต.ค. 2024 ให้ผลตอบแทน -0.37% แต่ผลตอบแทนปี 2024 YTD +11.75% ชนะตลาดราว +8.24% ขณะที่เดือน พ.ย. 2024 ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีโอกาสขึ้นเร่งตัวจากความชัดเจนผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ วงจรดอกเบี้ยขาลง ผสานเศรษฐกิจไทยที่เร่งขึ้น และเม็ดเงินจาก 3 ส่วน ทั้ง Thaiesg กว่า 2 หมื่นล้านบาท กองทุนวายุภักษ์ราว 1-2 พันล้านบาทต่อวัน และการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ในช่วงปลายเดือน
แนะนำ Investment Theme เด่น
มาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง (CPALL, BJC, MTC, JMT)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง + กระแส Data Center หนุน (ADVANC, TRUE, GULF, GPSC, INSET, BE8, BBIK, ADVICE)
High Season(ERW, AOT, BA, MINT)
China Play : IVL, SCC, SCGP, PTTGC
Dark Horse : MALEE, STPI, LTS, SEI, VGI