#บลจ.ดาโอ


บลจ.ดาโอ เปิดขายกองทุน DAOL-TAIWANEQ รับการโตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไต้หวัน

บลจ.ดาโอ เปิดขายกองทุน DAOL-TAIWANEQ รับการโตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไต้หวัน

          “บลจ.ดาโอ” ชี้ เศรษฐกิจไต้หวันโดดเด่นจากอุตสาหรรมเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ที่มีส่วนสำคัญใน Supply Chain ของโลก หนุนกำไรตลาดเติบโต เป็นจังหวะลงทุน เปิดขาย ‘กองทุนเปิด ดาโอ ไต้หวัน อิควิตี้ (DAOL-TAIWANEQ)’ 14-20 พฤศจิกายน 2567  โอกาสสร้างรับผลตอบแทนจาก Mega Trends ใน AI”           คุณมนชญา รัชตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไต้หวันยังเติบโตได้ดี โดยธนาคารกลางไต้หวันคาดการณ์การเติบโตของ Real GDP ในปี 2024 อยู่ที่ 3.82% เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน และคาดการณ์ปี 2025 จะเติบโตที่ 3.08% ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP per Capita) ของไต้หวันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจะแซงหน้าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ภายในปีนี้           ปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไต้หวัน จะมาจากการพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้มีศักยภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และการเติบโตอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่คาดว่า จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 5.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 เป็นมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ 5-6% ซึ่งไต้หวันมีส่วนแบ่งตลาดระดับโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้านการผลิตชิป (Foundry) อยู่สูงถึง 78%, และมากกว่า 50% ในด้านการบรรจุและทดสอบชิป (IC Packaging and Testing) และมากกว่า 20% ในด้านการออกแบบชิป (IC Design)           นอกจากนี้ ไต้หวันยังมีการลงทุนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์มากกว่า 7.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาความสามารถในการประมวลผลของชิปให้สูงขึ้น โดยโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็เป็นบริษัทของไต้หวันนั้น คือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company Limited (TSMC) ผู้ผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์อันดับ 1 ของโลก และเป็นผู้นำตลาดด้านการผลิตชิปขั้นสูง โดยปัจจุบัน TSMC เป็นเพียงบริษัทเดียวของโลกที่สามารถผลิตชิปขนาดเล็กที่สุด 3 nm และยังมีแผนการพัฒนาที่จะผลิตชิป 2 nm ภายในปี 2025 ซึ่งจะทำให้มีความสามารถในการทิ้งห่างคู่แข่ง และยากที่จะเลียนแบบได้           นอกจากนั้น ไต้หวันยังมีบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งเป็นที่ต้องการในกลุ่มอุปกรณ์สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ขณะที่เทรนด์ของเทคโนโลยี อย่างช่น Internet of Things ,5G , AI และรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) จะยังคงสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตนี้ต่อไป           ด้านภาคการส่งออกของไต้หวัน ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไอที ยังเป็นสินค้าส่งออกหลัก ซึ่งกว่า 40% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด เป็นสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ที่ไต้หวันส่งออกให้คู่ค้าหลักอย่างจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศในกลุ่มอาเซียน ส่งผลบวกต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในระยะยาว และส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไต้หวัน           ด้วยเศรษฐกิจไต้หวันที่ยังมีความสามารถในเติบโตสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไต้หวันมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี TWSE มีผลกำไรที่โดดเด่นถึง 35% แซงหน้าตลาดหุ้นหลักในเอเชียทั้งหมด และทำผลงานได้ดีกว่า S&P500 และ Nasdaq 100 ของสหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน           บลจ.ดาโอ มองเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นไต้หวัน จึงขอแนะนำ กองทุนเปิด ดาโอ ไต้หวัน อิควิตี้ (DAOL-TAIWANEQ) เปิดเสนอขายวันที่ วันที่ 14-20 พฤศจิกายน 2567 (ความเสี่ยงระดับ 6 : ความเสี่ยงสูง) ลงทุนตรงผ่าน iShares MSCI Taiwan ETF (EWT US) ซึ่งเป็น ETF บนตลาด NYSE ARCA ที่บริหารโดย BlackRock, Inc. บริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่สุดในโลกและเป็นผู้นำในตลาด ETF มายาวนานกว่า 20 ปี กองทุนมีการลงทุนตามดัชนี MSCI Taiwan 25/50 ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางหลากหลายกลุ่มธุรกิจตามการเติบโตของเศรษฐกิจไต้หวัน รายชื่อหุ้นบริษัทชั้นนำที่ลงทุน 1.)TAIWAN SEMICONDUCTOR MANUFACTURING 2.)HON HAI PRECISION INDUSTRY LTD 3.)MEDIATEK INC 4.)FUBON FINANCIAL HOLDING LTD 5.)QUANTA COMPUTER INC 6.)DELTA ELECTRONICS INC 7.)CTBC FINANCIAL HOLDING LTD 8.)CATHAY FINANCIAL HOLDING LTD 9.)UNITED MICRO ELECTRONICS CORP 10.)ASE TECHNOLOGY HOLDING LTD           “ด้วยกลยุทธ์แบบ Full Replication เพื่อให้พอร์ตลงทุนออกมาใกล้เคียงกับดัชนีที่สุด ทำให้กองทุน iShares MSCI Taiwan ETF ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 36.51% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 5.87% ย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 16.36% และย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 11.19% (ข้อมูล BlackRock ณ วันที่ 30 กันยายน 2567)”           ปัจจุบันราคาของตลาดหุ้นไต้หวันมีความน่าสนใจ ด้วย Forward PE ของตลาดไต้หวันอยู่ที่ระดับ 17 เท่า ถูกกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอินเดีย ขณะที่กำไรปี 2024 และ 2025 มีแนวโน้มเติบโตดี จากเศรษฐกิจไต้หวันที่ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งคาดว่า จะเติบโตมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ‘กองทุนเปิด ดาโอ ไต้หวัน อิควิตี้’ จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนที่เป็น Mega Trends ใน AI ซึ่งเป็นห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 90% ในชิปขั้นสูง” คุณมนชญา กล่าว           สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดาโอ จำกัด (บลจ.ดาโอ) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อหน่วยลงทุน ของ บลจ. ดาโอ  คำเตือน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้  ที่มา Asian Development Outlook (ADO) September 2024 IMF as of August 2024 WSTS (Historical and 2024 Forecast Data), A&M (Projection), as of September 2024 Chip shortages: a 5nm European fab is not the answer’, Yole Group, as of September 2024 Taiwan International Trade Administration, as of September 2024 Bloomberg, as of 15 August 2024 [PR News]

[PR News] บลจ.ดาโอ ตั้ง

[PR News] บลจ.ดาโอ ตั้ง"อนุวัฒน์ อิ่มแสงรัตน์" นั่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่

          บลจ.ดาโอ แต่งตั้ง “นายอนุวัฒน์ อิ่มแสงรัตน์” ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer: CEO) คนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เดินหน้าพา บลจ.ดาโอ เติบโตทุกด้าน           บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด (บลจ.ดาโอ) แต่งตั้ง “นายอนุวัฒน์ อิ่มแสงรัตน์” ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer: CEO) คนใหม่ มีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ให้บริการด้านการบริหารกองทุนชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน           “นายอนุวัฒน์” มีประสบการณ์ทำงานนานกว่า 29 ปี ในธุรกิจตลาดทุน ทั้งในบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และเป็นผู้บริหารด้านการตลาดกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของ บลจ.ชั้นนำ มานานกว่า 24 ปี           “ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับ บลจ.ดาโอ ซึ่งมีผู้บริหาร และทีมงานที่เป็นมืออาชีพ และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจกองทุนรวม ผมพร้อมที่จะสานต่อวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์กองทุนรวมที่มีความหลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาด และเป้าหมายการลงทุนของลูกค้า ทั้งกองทุนรวมแบบดั้งเดิม (Traditional Investment Fund) กองทุนรวมทางเลือก (Alternative Investment Fund) และกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน (Sustainable Wealth Platform) เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้าควบคู่ไปกับการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ DAOL, your lifetime financial partner ดาโอ เพื่อนคู่คิดทางการเงินของคุณ” นายอนุวัฒน์ กล่าว           ปัจจุบัน บลจ.ดาโอ มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ประมาณ 4,800 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์กองทุนที่ครอบคลุมการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลายหลายทั้ง หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก โดยใช้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง (Strategic and Tactical Asset Allocation) จากทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บลจ.ดาโอ มีแผนที่จะเสนอขายกองทุนรวมใหม่อีกจำนวน 2 กองทุน และตั้งเป้าหมายขยาย AUM เพิ่มขึ้นอีก 1,500 ล้านบาท