ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#ทรีนีตี้


NER – AAI หุ้นส่งออกน่าสน ปันผลเด่น

NER – AAI หุ้นส่งออกน่าสน ปันผลเด่น

             หุ้นวิชั่น - บล.ทรีนีตี้ ประเมินหุ้นกลุ่มส่งออก มองในช่วงสั้นที่ทิศทาง Trade war เริ่มเป็นบวกเล็กๆนี้ บวกกับเงินบาทที่เริ่มเคลื่อนไหวอ่อนค่า อาจทำให้ยังคงเห็นกระแสการเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นส่งออกต่อไปได้ ซึ่งหากคัดจากสินค้าที่เห็นยอดการส่งออกอยู่ในเกณฑ์ดีในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มองตัวหุ้นที่น่าสนใจและมีปันผลดี ได้แก่ AAI และ NER โดย AAIมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป ส่วนทางด้าน NER นั้น คาดกำไรปี 2025 เติบโต 11% YoY              โดยจะมีลูกค้าใหม่ๆจากอินเดียที่จะทยอยเริ่มคำสั่งซื้อใน 2H25 ส่วนแผนระยะกลาง เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตจาก 5.1 แสนตัน เป็น 8.3 แสนตัน ในปี 2027 โดย Phase 1 คาดว่าจะเริ่มการสร้างโรงงานแห่งใหม่ภายใน 2H25 และจะแล้วเสร็จใน 1H26 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2026 ประมาณ 30%

ทรีนีตี้ คัด 10 หุ้นเด่น เช็กด่วน!

ทรีนีตี้ คัด 10 หุ้นเด่น เช็กด่วน!

             หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาด SET Index น่าจะยังแกว่งทรงตัวที่บริเวณดัชนี 1,170 จุด ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนชะลอดูผลการประชุม Fed และ BoJ ที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ ในเชิงกลยุทธ์ คงแนะนำถือครองหุ้นในส่วนเดิม ซึ่ง Top pick ของเราในเดือนนี้ยังคงได้แก่ CPALL, CPAXT, HMPRO, AP, SPALI, TIDLOR, VGI, BDMS, LHHOTEL, 3BBIF              Asia vs. U.S.: สำหรับปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจที่ออกมาเมื่อวานนี้ได้แก่ รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีนประจำเดือนก.พ. ซึ่งต่างออกมาขยายตัวดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งคู่ ส่งผลให้ล่าสุดดัชนี Economic surprise ของประเทศจีนปรับสูงขึ้นมายืนในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือนครึ่ง สวนทางกับทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดส่วนใหญ่ โดยเมื่อวานนี้ยอดค้าปลีกประจำเดือนก.พ.ขยายตัวเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 0.6% ส่งผลให้ดัชนี Economic surprise ของสหรัฐฯยังคงยืนในแดนลบต่อเนื่อง (รูปที่ 1) เรามองต่อจากเมื่อวานนี้เช่นเดิมว่า ตลาดหุ้นเอเชียจะสามารถปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ต่อไปอย่างไม่ยากเย็น              Residential: สำหรับปัจจัยวันนี้ แนะนำติดตามการประชุมครม.ซึ่งอาจมีวาระหารือเกี่ยวกับการพิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะมาตรการการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท รวมไปถึงความเป็นไปได้ในการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV เป็นการชั่วคราวและเพิ่มวงเงินซอฟต์โลนจากธนาคารอาคารสงเคราะห์              Our take: หากมีความคืบหน้ามาตรการดังกล่าวในวันนี้ ประเมินจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อมายังกลุ่มที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นกลุ่ม Domestic ภายในที่เผชิญกับปัญหากำลังซื้อถดถอยในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการคัดกรองของเราไปยังหุ้นในกลุ่มนี้ที่มีคุณลักษณะ Deep value (PBV ต่ำกว่า 1x / PBV ต่ำกว่า -1.5SD / Dividend เกินกว่า 3% / 2025E EPS growth เป็นบวก / มี ESG Rating) จะได้ว่าหุ้นที่น่าสนใจมากที่สุดในกลุ่มยังคงได้แก่ SPALI

ทรีนีตี้ ชูหุ้น 10 หุ้น Top pick เช็กเลย!

ทรีนีตี้ ชูหุ้น 10 หุ้น Top pick เช็กเลย!

               หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาด SET Index ปรับตัวบวกแรงเมื่อวันศุกร์ นำโดยกลุ่มหุ้น Deep value เช่น PTT, SCC, PTTGC เป็นต้น ประเมินโมเมนตัมเชิงบวกมีโอกาสส่งต่อมายังต้นสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งจากแรงหนุนในกลุ่ม Oil & Gas ภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวกระโดดขึ้นเช้าวันนี้ จากการที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีทางการทหารครั้งใหญ่ต่อกลุ่มฮูตีในเยเมน                นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยคาดหวังที่รออยู่ ได้แก่ การประชุมของธนาคารกลางที่สำคัญหลายแห่ง ในเชิงกลยุทธ์ คงแนะนำถือครองหุ้นในส่วนเดิม ซึ่ง Top pick ของเราในเดือนนี้ยังคงได้แก่ CPALL, CPAXT, HMPRO, AP, SPALI, TIDLOR, VGI, BDMS, LHHOTEL, 3BBIF                ทั้งนี้ เราคาดหวังการปรับตัว Outperform ของตลาดหุ้นเอเชียเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อไป โดยปัจจัยที่สนับสนุนความเห็นดังกล่าวของเรายังคงได้แก่                โมเมนตัมทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจ ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจนในช่วงหลัง โมเมนตัมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มักปรับตัวอ่อนแอกว่าในอดีตหลังผ่านพ้นวันพิธีสาบานตนของปธน.คนใหม่ Relative valuation ที่ยังคงอยู่ต่ำกว่า ความคาดหวังเชิงบวกทางด้านการผ่อนคลายนโยบาย ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน                – ล่าสุดเมื่อวานนี้ สำนักข่าว Xinhua รายงานว่าทางการจีนเตรียมที่จะออกมาตรการกระตุ้นรายได้และการบริโภคเพิ่มเติมรวมถึงมาตรการดูแลเสถียรภาพของตลาดหุ้นและภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่นับรวมกับการให้แรงจูงใจสำหรับการมีบุตรใหม่ท่าทีของผู้กำหนดนโยบาย (Policymakers)ที่ดูเหมือนจะมีความมุ่งมั่นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นมากกว่า                – ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา นาย Scott Bessent รมว.คลังของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามองการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นเรื่องปกติและยังกล่าวว่าไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวถดถอย สะท้อนภาพว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันต้องการกำหนดนโยบายพุ่งเป้าไปที่เศรษฐกิจระยะยาวมากกว่าระยะสั้น                สำหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในวันที่ 18-19 มี.ค.ซึ่งคาดว่า BoJ จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ไปก่อน หลังจากเพิ่งปรับขึ้นไปในครั้งก่อนการประชุม FOMC ในวันที่ 18-19 มี.ค.ซึ่งคาดว่า Fed จะมีมติคงดอกเบี้ยแน่นอนแล้วที่ระดับเดิม 4.25-4.50% ดังนั้น ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่โทนของ Statement, คำพูดของนาย Jerome Powell, ประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ และค่ากลาง Dot plots ล่าสุด                ทั้งนี้ เราประเมินว่า หาก Fed ไม่ได้มีการ Downgrade ประมาณการ GDP ลงอย่างสำคัญไม่ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อมากขึ้นยังคงค่ากลาง Dot plots ที่ Imply การลดดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้งเท่าเดิมเชื่อว่าพอจะสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายทั่วโลกได้บ้างการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 20 มี.ค.ซึ่งล่าสุดตลาดคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50% ไปก่อน หลังจากเพิ่งปรับลดไปในครั้งก่อน การซื้อขายวันสุดท้ายของหุ้น GULF และ INTUCH ในวันที่ 20 มี.ค. และจะขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดพักการซื้อขายในวันที่ 21 มี.ค. – 2 เม.ย.                ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของเราล่าสุด ยังคงพบว่าVGI เป็น Candidate สำคัญที่จะถูกบรรจุเข้าสู่ดัชนี SET50 MOSHI เป็น Candidate สำหรับหุ้นที่ถูกบรรจุเข้าสู่ดัชนี SET100 แทนตำแหน่งที่ว่างไป

ทรีนีตี้ คัด 10 หุ้นเด่น หุ้นไหนน่าสน เช็กเลย!

ทรีนีตี้ คัด 10 หุ้นเด่น หุ้นไหนน่าสน เช็กเลย!

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในสัปดาห์นี้ โดยมองกรอบแนวรับที่ระดับ 1177 จุด ส่วนแนวต้านประเมินที่ 1230 จุด สำหรับปัจจัยที่น่าติดตามในช่วงต้นสัปดาห์ได้แก่ Reaction ของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงต่อรายงงานตัวเลขเงินเฟ้อจีนที่ออกมาหดตัว มากกว่าคาดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่านักลงทุนจะเลือกให้น้ำหนักกับสัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ หรือความคาดหวังทางด้านการผ่อนคลายนโยบายมากกว่า             ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนำให้ผู้ที่ได้เข้าเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยไปแล้วที่บริเวณดัชนี 1177 จุดสามารถถือครองหุ้นไว้ก่อน โดยกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำให้ถือครองต่อไป ยังคงได้แก่ กลุ่ม Domestic play อาทิ CPALL, CPAXT, HMPRO, AP, SPALI, TIDLOR, VGI และกลุ่ม Defensive อาทิ BDMS, LHHOTEL, 3BBIF เป็นสำคัญ - TISA: สำหรับประเด็นโครงการ “ออมหุ้นระยะยาว” (Thailand ISA) ที่ทางประธานตลท.กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นมองว่าหากเกิดขึ้นได้จริงก็คงเป็นประโยชน์ต่อหุ้นไทยในแง่ของสภาพคล่องได้บ้างแต่ประเมินจะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงแบบค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาวมากกว่า  เมื่อมาเปรียบเทียบกับการให้สิทธิ์ลดหย่อนจูงใจก้อนใหญ่แบบครั้งเดียว ปีต่อปี ซึ่งจะเป็นบวกต่อภาพของสภาพคล่องในระยะสั้นมากกว่า - U.S. Jobs: สหรัฐฯรายงานตัวเลขตลาดแรงงานประจำเดือนก.พ.ออกมาแย่กว่าที่ตลาด คาดการณ์ไว้ โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) เพิ่มขึ้น 1.51แสนตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.60 แสนตำแหน่งในขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.0% เป็น 4.1%ซึ่งไม่ถือเป็นเรื่องที่ดีนัก ในสภาวะที่อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงาน(Labor force participation rate)ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนด้วยเช่นกัน - Our take: ถือเป็นสัญญาณเตือนต่อเนื่องหลังจากที่โมเมนตัมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐฯออกมาแย่กว่าตลาดคาดก่อนหน้านี้โดยตลอด อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถทรงตัวได้ในวันศุกร์หลังจากที่ประธาน Fedออกมากล่าวเมื่อคืนวันศุกร์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงอยู่ในสถานะที่ดีโดยตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสู่เป้าหมาย แม้จะยังบอกใบ้ว่าการเคลื่อนไหวทางนโยบายของ Fed ในระยะถัดไปอาจจำเป็นต้องรอดูผลกระทบของมาตรการต่างๆของทำเนียบขาวที่จะทยอยออกมาด้วยเช่นกัน - Factors: สำหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) การบังคับใช้ภาษีนำเข้า 15%ของจีนต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯที่จะเริ่มต้นในวันนี้ 2)การพบปะพูดคุยกันระหว่างตัวแทนของยูเครนกับสหรัฐฯที่ประเทศซาอุดิอาระเบียในวันที่ 11 มี.ค. 3) เส้นตายการเตรียมเก็บภาษี 25%ของสหรัฐฯต่อการนำเข้าสินค้ากลุ่มเหล็กและอลูมิเนียมจากยุโรปในวันที่12 มี.ค. 4) รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯประจำเดือนก.พ.ในวันที่ 12 มี.ค.             ล่าสุดตลาดคาดการณ์ขยายตัว 2.9% YoY และ 0.3% MoM สำหรับHeadline CPI และ 3.2% YoY และ 0.3% MoM สำหรับ Core CPIหากตัวเลขออกมาแตกต่างจากตลาดคาดมองจะส่งผลต่อไปยังคาดการณ์ Fed Funds futuresในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ว่าการประชุมที่รออยู่ในสัปดาห์หน้า Fed คงจะมีมติคงดอกเบี้ยแน่นอนแล้วก็ตาม

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

ทรีนีตี้ ชู 3 หุ้นแกร่ง มีโอกาสถูกปรับกำไรขึ้น

ทรีนีตี้ ชู 3 หุ้นแกร่ง มีโอกาสถูกปรับกำไรขึ้น

         หุ้นวิชั่น - บล.ทรีนีตี้ ชู 3 หุ้นแกร่ง มีโอกาสถูกปรับกำไรขึ้น โดยแนะนำ 1. ERW (TP 5 บาท) Pure play ในกลุ่มโรงแรมที่เติบโตแข็งแกร่งตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยมีพอร์ตโรงแรมที่หลายหลาย เน้นไปที่กลุ่มโรงแรมที่มีราคาไม่แพงซึ่งมีการเติบโตสูงและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากลุ่มโรงแรมหรูที่ใช้เงินลงทุนสูงและผลตอบแทนต่ำ โดยเราคาดว่ากำไรจะเติบโต 15% ปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้นแข็งแกร่งกว่าตลาดและมูลค่า “ไม่แพง” 2. MOSHI (TP 63 บาท) คาดกำไรดีต่อเนื่องใน 1Q68 จาก SSSG ที่เป็นบวกใน YTD และได้ประโยชน์จากการเข้าร่วม Easy E-receipt ปีนี้เป็นปีแรก คาดช่วยหนุนยอดขายเติบโตได้ดี และสัดส่วนสินค้านำเข้าที่สูงขึ้น คาดช่วยหนุนอัตรากำไรเพิ่มขึ้นตาม โดย 4Q67 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 54.8% 3. MEGA (TP 47 บาท) Defensive play ที่กำไร 4Q67 ดีกว่าคาด มีโอกาสถูกปรับกำไรขึ้น ขณะที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าหลักที่อัตรากำไรสูง รวมถึงการลดค่าใช้จ่าย

บล.ทรีนีตี้ ชี้หุ้น Defensive น่าสนใจรับมือตลาดหุ้นเผชิญ Trade War

บล.ทรีนีตี้ ชี้หุ้น Defensive น่าสนใจรับมือตลาดหุ้นเผชิญ Trade War

              หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.ทรีนีตี้ ระบุ ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับแรงกดดันหนัก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้น เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง 1-3% โดยกลุ่มหุ้น Cyclical และ Growth โดนเทขายหนัก ขณะที่ Bond yield สหรัฐฯ ทำจุดต่ำสุดใหม่ทุกรุ่น บ่งชี้ถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น *กลยุทธ์การลงทุน ในสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ผสมระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเน้นหุ้น Defensive ที่มี Cashflows มั่นคง และสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น REIT และ IFF หุ้นแนะนำประจำเดือนมีนาคม: กลุ่ม Domestic Play: CPALL, CPAXT, HMPRO, AP, SPALI กลุ่มได้ประโยชน์จาก Bond Yield ขาลง: TIDLOR กลุ่ม Defensive: BDMS REIT & IFF: LHHOTEL, 3BBIF หุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ SET50: VGI               แนะนักลงทุนควรจับตาการประชุม Fed ในวันที่ 18-19 มีนาคมนี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางตลาด หากไม่มีสัญญาณผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวยังมีโอกาสรุนแรงขึ้นต่อไป

ทรีนีตี้ มอง SET เดือนมี.ค.แกว่งตัว ชู 5 ธีมหุ้นลงทุนได้

ทรีนีตี้ มอง SET เดือนมี.ค.แกว่งตัว ชู 5 ธีมหุ้นลงทุนได้

            หุ้นวิชั่น - “ทรีนีตี้” มองหุ้นเดือนมี.ค.แกว่งตัวตามทิศทางการประชุมของธนาคารกลางทั่วโลกเป็นสำคัญ ว่าจะช่วยลดทอนความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้หรือไม่ ส่วนปัจจัยในประเทศ มองประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอาจสร้างความผันผวนได้บ้าง ในขณะที่ Thai ESGX คาดมีผลต่อการลงทุนน้อย  ให้กรอบแนวรับที่ 1177 และ 1150 จุด ส่วนแนวต้านประเมินที่ 1230 และ 1270 จุด กลยุทธ์ คัด 5 ธีมหุ้นลงทุนได้             นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคมว่า คาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นโลกในเดือนมีนาคมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านนโยบาย โดยเฉพาะความคาดหวังทางด้านนโยบายการเงินเป็นสำคัญ หลังจากที่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากขึ้น จากการที่ ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐฯยืนยันนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ดังนั้นหากในเดือนนี้ โทนจากธนาคารกลางต่างๆ ยังคงออกมาในลักษณะเดิม ไม่มีความผ่อนคลายมากขึ้น เชื่อว่าจะยิ่งทำให้ความกังวลเศรษฐกิจนั้นปรับตัวสูงขึ้นได้ จนนำมาสู่ภาวะความชัน Yield curve ที่แบนราบหรือ Flattening มากขึ้น และ Inverted ในบางช่วงของ Yield curve ซึ่งมักไม่เป็นผลดีนักต่อแนวโน้มสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม             สำหรับปัจจัยในประเทศ ประเมินว่านักลงทุนบางส่วนน่าจะจับจ้องไปที่ปัจจัยการเมืองมากขึ้น หลังจากช่วงปลายเดือนนี้เตรียมที่จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนขึ้นในตลาดหุ้นไทยได้บ้าง ส่วนประเด็นความคาดหวังด้านสภาพคล่องเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เพื่อมารองรับการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนดนั้น มองไม่มีผลกระทบใดๆมากนักในระยะสั้น  เนื่องจาก 1) การให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพียงเท่ากับมูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบันที่ย้ายมา และ 2) แรงไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ลดลงอย่างมากแล้วในช่วงหลัง จึงมองว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้สร้างแรงจูงใจมากนัก และไม่ได้เสริมสร้างสภาพคล่องใหม่เข้าไปในระบบแต่อย่างใด             ประเมินกรอบ SET Index ประจำเดือนนี้มีแนวรับแรกที่ 1177 จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่มี PBV เทียบเท่ากับระดับต่ำสุดในช่วง Covid-19 แล้ว ส่วนแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดประเมินที่ 1150 ซึ่งเป็น Gap ที่ยกตัวขึ้นมาในช่วงการเริ่มต้น Rally ของดัชนีช่วงหลังเหตุการณ์ Covid ใหม่ๆ ในทางกลับกัน ประเมินกรอบแนวต้านแรกที่ 1230 จุด และแนวต้านสำคัญที่ 1270 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำนักลงทุนใช้กลยุทธ์ผสม ระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัย โดยถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกจะลงมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่มองว่ายังคงจำเป็นที่จะต้องถือครองสินทรัพย์นี้ในพอร์ตโฟลิโอเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อไป ในขณะเดียวกัน สำหรับฝั่งตราสารทุนนั้น  มองว่านักลงทุนจำเป็นต้องเกลี่ยพอร์ตไปที่กลุ่มหุ้น Defensive ที่มี Cashflows มั่นคงมากขึ้น รวมถึงตราสาร คล้ายพันธบัตรเช่น REIT และ IFF ในสภาะวะที่ยังคงมีความไม่แน่นอนในระดับสูงนี้             สำหรับกลุ่มหุ้นแนะนำประจำเดือนมีนาคม ได้แก่ 1.กลุ่มหุ้น Domestic play ที่ยังคง Laggard ทางด้าน Valuation ได้แก่ CPALL, CPAXT, HMPRO, AP, SPALI 2.กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ขาลง ได้แก่ TIDLOR 3.กลุ่มหุ้น Defensive ได้แก่ BDMS 4.กลุ่มหุ้น REIT และ IFF เลือก LHHOTEL, 3BBIF และ 5.หุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ระหว่างกาลในช่วงต้นเดือนเมษายน ได้แก่ VGI

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

SET กุมภาฯ ผันผวน! แรงกดดันสงครามการค้ากระทบตลาด

SET กุมภาฯ ผันผวน! แรงกดดันสงครามการค้ากระทบตลาด

          หุ้นวิชั่น - แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์: แรงกดดันจากสงครามการค้า แต่ยังมีแรงหนุนจากหุ้น Domestic Play • คาดว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวลงในช่วงแรก หลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามใน Executive Order เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก แคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และ จีนในอัตรา 10% ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ • ปัจจัยดังกล่าวทำให้ไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ได้พัฒนาเป็นสงครามการค้าย่อม ๆ จากการตอบโต้ของประเทศเหล่านี้ โดย แคนาดาและเม็กซิโกเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% ขณะที่ จีนเตรียมยื่นคำร้องต่อ WTO • ปัจจัยนี้ส่งผลทางอ้อมให้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก แคนาดาและเม็กซิโก เป็นแหล่งนำเข้าเชื้อเพลิงสำคัญของสหรัฐฯ     มุมมองต่อตลาดหุ้นไทย • การปรับตัวลงของ SET Index ในช่วงแรกของเดือน อาจได้รับการประคับประคองจาก กลุ่ม Oil & Gas ที่ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น • นอกจากนี้ กลุ่ม Domestic Play มีโอกาสรีบาวด์ หลังจากราคาหุ้นกลุ่มนำตลาด เช่น CPALL ปรับตัวลงแรงในช่วงปลายเดือนก่อน • ด้วยเหตุนี้ ตลาดหุ้นไทยอาจแข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้า กลยุทธ์การลงทุน (Strategy) • ประเมินแนวรับแรกของ SET Index ที่ 1,300 จุด • แนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดอยู่ที่ 1,270 - 1,280 จุด • แนะนำ ถือหุ้นเดิม และทยอยสะสมหุ้นใหม่ที่บริเวณแนวรับ โดยเน้น Domestic Play เป็นหลัก เนื่องจากความผันผวนจากประเด็นสงครามการค้าอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา           ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม (Risks) 1. ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ลากยาว อาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาของเงินเฟ้อ (Revival of Inflation) ซึ่งอาจส่งผลให้ Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น และลดโอกาสที่ ธปท. จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ 2. ผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียน หากออกมาแย่กว่าคาด อาจนำไปสู่ การปรับลดประมาณการตลาด ทำให้ Valuation ของดัชนีแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ 3. แรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ หากมีความชัดเจนว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) จะเปลี่ยนวิธีคำนวณดัชนีหุ้นไทยเป็น Free-float Adjusted Market Cap Weighted ซึ่งอาจส่งผลให้ หุ้นขนาดใหญ่ 10 อันดับแรกถูกลดน้ำหนัก และมีผลลบต่อดัชนีในช่วงแรก ที่มา : บล.ทรีนิตี้

ทรีนีตี้ คาดกำไร Q4 CHAYO โตต่อ แนะ

ทรีนีตี้ คาดกำไร Q4 CHAYO โตต่อ แนะ "ซื้อ" เป้า 4 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ส่อง CHAYO คาดกำไร 3Q67 CHAYO ที่ 86 ล้านบาท ดีขึ้น 13% QoQ และ 14% YoY โดยคาดรายได้ธุรกิจ NPL ปรับตัวดีขึ้นราว 9% QoQ และ 44% YoY หลังอาจเห็นยอดจัดเก็บปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ NPL ที่ไม่มีหลักประกันเนื่องจากลูกหนี้ที่ซื้อมาในช่วงก่อนหน้าเป็นหนี้ที่ค่อนข้างใหม่ทำให้เห็นกระแสเงินสดจากการจัดเก็บได้เร็ว ขณะที่คาดกำไรจาก NPA ลดลงค่อนข้างมากใน QoQ และ YoY เนื่องจากไม่มีการขาย NPA แปลงใหญ่ระหว่างไตรมาส ส่วนรายได้ดอกเบี้ยจากการให้สินเชื่อคาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ค่อนข้างทรงตัว QoQ คาดว่าจะเห็นกำไร 4Q67 ดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล บวกกับอาจมีการขาย NPA ได้ คงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.00 บาท อิง PBV 1.0 เท่า โดยมองกำไรอยู่ในช่วงฟื้นตัว และอาจเห็น Upside จากการขายทรัพย์หลักประกันของ NPL แปลงใหญ่ที่ยังไม่ได้อยู่ในประมาณการ จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 4 บาท อิง PBV 1.0 เท่า

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011