จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้แต่ละประเทศตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในประเทศของตนเอง ทำให้งบประมาณการใช้จ่ายทางทหารทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากและผลักดันให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง “บลจ.ดาโอ” มองเป็นจังหวะลงทุน เปิดขาย “กองทุนเปิด ดาโอ ดีเฟนส์ (DAOL-DEFENSE)” ลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศรวมถึงความปลอดภัยไซเบอร์ เปิดเสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 11-18 ธันวาคม 2567
คุณมนชญา รัชตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า ด้วยปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นเหตุให้การใช้จ่ายทางทหารทั่วโลกพุ่งทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 2564 และเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 และคาดว่า การใช้จ่ายทางการทหารจะเติบโตในอัตรา 5% ต่อปี จนถึงระดับ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นทศวรรษนี้ โดยประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย และอินเดีย มีการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการทหารในการป้องกันประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการรับรองวงเงินสูงสุดที่เสนอไว้ที่ 8.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการใช้จ่ายด้านกลาโหมในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดการณ์จากสำนักงานงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า การใช้จ่ายด้านการป้องกันจะสูงถึง 1.11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 2.8% ของ GDP ภายในปี 2576
ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายด้านการทหารของยุโรปได้ปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ซึ่งเกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยในปี 2566 มีการเพิ่มงบประมาณการลงทุนด้านกลาโหมถึง 13% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยพันธมิตร NATO เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเช่นกัน คาดว่า ในปี 2024 สมาชิก 24 ประเทศจากทั้งหมด 32 ประเทศ จะสามารถบรรลุตามเป้าหมาย 2% ของ GDP ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง 11 ประเทศ ในปี 2566
นอกจากนี้ การป้องกันทางดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในทางภูมิศาสตร์การเมือง จากรายงานพบว่า ทั่วโลกมีการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ความปลอดภัยไซเบอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับกระทรวงกลาโหม
เช่นเดียวกับ การใช้ระบบอัตโนมัติในระบบการป้องกันที่กำลังเร่งตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนอัตโนมัติ ที่ไม่เพียงแต่ใช้ในการสอดแนม แต่ยังใช้ในการต่อสู้และการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อลดการมีส่วนร่วมของมนุษย์และลดความเสี่ยงในสนามรบ คาดว่า ตลาดอากาศยานไร้คนขับทางทหารทั่วโลกจะเติบโตจาก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566 เป็น 4.52 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 เติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 12.20%
ด้วยแนวโน้มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศที่สูงขึ้นทั่วโลก บลจ.จึงขอแนะนำ กองทุนเปิด ดาโอ ดีเฟนส์ (DAOL-DEFENSE) เปิดเสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 11-18 ธ.ค. 2567 (ความเสี่ยงระดับ 7 : ความเสี่ยงสูง) ลงทุนตรงผ่านกองทุน Vaneck Defense UCITS ETF (DFNS) ที่บริหารโดย Vaneck Vectors บริษัทจัดการการลงทุน ETF ที่มีความโดดเด่น โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ จากแนวโน้มความเสี่ยง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และการใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อประเทศต่างๆ ทั่วโลกปรับกลยุทธ์การป้องกันประเทศ
ลักษณะกลุ่มบริษัทป้องกันประเทศที่ลงทุนได้แก่
ผลิตภัณฑ์และบริการทางอากาศและการป้องกัน
ระบบและบริการด้านการสื่อสาร รวมถึงดาวเทียม
ยานพาหนะไร้คนขับ
ซอฟต์แวร์ด้านการตอบสนองเหตุการณ์ และความปลอดภัย
ฮาร์ดแวร์และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
ซอฟต์แวร์และผลิตภัณฑ์ด้านการฝึกอบรมและการจำลองสถานการณ์
การสืบสวนดิจิทัล, อุปกรณ์ตรวจจับ และการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์/การระบุตัวตนทางชีวภาพ
ตัวอย่างหุ้นบริษัทที่ลงทุน
1.) บริษัท QINETIQ เป็นบริษัทเทคโนโลยีการป้องกันประเทศของสหราชอาณาจักรที่ให้บริการวิจัยและพัฒนา (R&D) และบริการทางเทคนิคแก่รัฐบาล นอกจากความเชี่ยวชาญในด้าน R&D, วิศวกรรม, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, อวกาศและดาวเทียมแล้ว ยังให้บริการฝึกอบรมและการจำลองเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติการที่สำคัญต่อภารกิจ บริการเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการจำลองที่หลากหลาย เช่น ความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality), ความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) และการฝึกอบรมที่ใช้เกม เพื่อสร้างสถานการณ์การฝึกอบรมที่สมจริง และถูกใช้สำหรับการฝึกอบรมทางทหาร, อวกาศ, การบินและการเดินเรือ รวมถึงการจำลองเหตุการณ์ฉุกเฉิน
2.) บริษัท CACI ให้บริการด้าน IT แก่หน่วยงานรัฐบาล ประกอบด้วยบริการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์, การประมวลผลบนคลาวด์, การพัฒนาซอฟต์แวร์ รวมถึงการสนับสนุนการดำเนินงาน, การจัดการโลจิสติกส์ และการฝึกอบรม บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ , การประเมินและการวิเคราะห์ข่าวกรองภัยคุกคาม, การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และการติดตามภัยคุกคามในเครือข่ายของลูกค้า
ท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศเติบโต ส่งผลให้กองทุน Vaneck Defense UCITS ETF ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 4.30% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 12.31% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 57.30% และย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 44.78% (ข้อมูล Vaneck ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567)
“ความมั่นคงและการป้องกันประเทศกลับมาเป็นหนึ่งในความกังวลหลักของรัฐบาลในหลายประเทศ การเปลี่ยนแปลงสู่โลกที่มีหลายขั้วอำนาจได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ‘กองทุนเปิด ดาโอ ดีเฟนส์ (DAOL-DEFENSE)’ จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทชั้นนำในด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ รวมถึงบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ขนาดใหญ่ และผู้ให้บริการด้านการป้องกันที่เกี่ยวข้อง ภายใต้สถานการณ์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติและปรับปรุงความสามารถทางทหาร ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศจึงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากสัญญาระยะยาวและความต้องการที่ต่อเนื่อง” คุณมนชญา กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดาโอ จำกัด (บลจ.ดาโอ) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อหน่วยลงทุน ของ บลจ. ดาโอ
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ที่มา
1Global X Estimates, SIPRI. (2023, April 24)
Congressional Budget Office. (2023, February). The Budget and Economic Outlook: 2023 to 2033
NATO Public Diplomacy Division as of June 12, 2024
Check point software technologies, U.S. Global investors
Global X ETFs with information derived from: Fortune Business Insights. 23 September 2024
[PR News]