#กลต


ก.ล.ต.ประกาศวันหยุดเพิ่ม

ก.ล.ต.ประกาศวันหยุดเพิ่ม

          ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ให้เพิ่มวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อกระตุ้น การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ รวมถึงเป็นการสนับสนุนนโยบายที่จะกำหนดให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทยนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาแล้ว จึงกำหนดให้วันที่ 2 มิถุนายน 2568 และวันที่ 11 สิงหาคม 2568 รวมทั้งวันที่ 2 มกราคม 2569 เป็นวันหยุดทำการของบริษัทหลักทรัพย์และ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลข้างต้น ซึ่งสอดคล้องกับวันหยุดทำการของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

ก.ล.ต. ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 1 ราย ต่อศาลแพ่ง ราคาหุ้น THE

ก.ล.ต. ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 1 ราย ต่อศาลแพ่ง ราคาหุ้น THE

หุ้นวิชั่น -  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้พนักงานอัยการฟ้องนายธีรวัฒน์ แซ่ก๊วย ผู้กระทำความผิด กรณีสร้างราคาหุ้นของบริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) (THE) เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร (แล้วแต่กรณี) ในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย           ตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ได้มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดในกรณีสร้างราคาหุ้นของ THE โดยกำหนดให้นายธีรวัฒน์ ชำระเงินรวม 18,919,992.95 บาท (ค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด) และกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 14 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นระยะเวลา 28 เดือน           ทั้งนี้ เนื่องจากนายธีรวัฒน์ ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ซึ่งพิจารณาได้ว่า นายธีรวัฒน์ ไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต.ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีนายธีรวัฒน์ ต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งทุกมาตรการในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร           พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้นำส่งกรณีดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542           นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “กรณีนี้ ก.ล.ต. ได้ ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 14 ราย โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง กำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ซึ่งมีผู้กระทำผิด 13 รายได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดทุกกรณี มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้”

ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์ตรวจข้อมูลลูกค้า-ทบทวนวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์

ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์ตรวจข้อมูลลูกค้า-ทบทวนวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์

          หุ้นวิชั่น - วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 | ฉบับที่ 257 / 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการและร่างประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจมีการตรวจสอบข้อมูลลูกค้าระหว่างกันเพื่อให้มีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่จำเป็นและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น สำหรับใช้ประกอบการพิจารณากำหนดและทบทวนวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมต่อความสามารถในการชำระหนี้ สถานการณ์ความผิดปกติจากการซื้อขายหลักทรัพย์และการผิดนัดชำระราคาการซื้อหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนในช่วงที่ผ่านมา มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (รวมเรียก ผู้ประกอบธุรกิจ) ขาดข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่จำเป็นและครบถ้วนในการนำมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ ส่งผลให้วงเงินรวมที่ลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจได้รับทั้งหมด (กรณีขอวงเงินจากหลายแห่ง) อาจสูงเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าได้ ก.ล.ต. จึงเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่จำเป็นและเพียงพอต่อการนำไปใช้ประกอบการพิจารณากำหนดและทบทวนวงเงินให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และลดโอกาสการผิดนัดชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของผู้ประกอบธุรกิจ โดยมีสาระสำคัญในการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องดำเนินการ ดังนี้ (1) ตรวจสอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมและประเมินข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้และการวางหลักประกันของลูกค้า เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดและทบทวนวงเงินให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย (2) รวบรวม ประเมิน และวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าที่ขอ หรือมีวงเงินสูง หรือลูกค้าที่มีระดับความเสี่ยงสูง จากผู้ประกอบธุรกิจแห่งอื่นที่มีการให้บริการแก่ลูกค้ารายเดียวกัน สำหรับกรณีที่ลูกค้าขอเปิดบัญชีใหม่หรือลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญ โดยต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการชำระหนี้ รวมทั้งมีกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ (3) นำส่งข้อมูลลูกค้าตามที่ได้รับการร้องขอจากผู้ประกอบธุรกิจแห่งอื่น ทั้งนี้ รายละเอียดการดำเนินการในการตรวจสอบข้อมูลลูกค้าดังกล่าว เช่น ช่องทางและวิธีการตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าระหว่างกัน เงื่อนไขของลูกค้าที่ต้องตรวจสอบข้อมูลจากผู้ประกอบธุรกิจแห่งอื่น ชุดข้อมูลของลูกค้าที่ต้องตรวจสอบระหว่างกัน เป็นต้น ให้เป็นไปตามที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของก.ล.ต. ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นซึ่งมีรายละเอียดการปรับปรุงหลักการและร่างประกาศในเรื่องดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. (https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1035) และระบบกลางทางกฎหมาย (http://law.go.th/listeningDetail?survey_id=NDY5MERHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ=) ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถศึกษาและแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือทาง e-mail : [email protected] หรือ [email protected] จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2567 _______________________

ก.ล.ต.  เปิดรับฟังความเห็น เพื่อส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลตลาดทุน

ก.ล.ต. เปิดรับฟังความเห็น เพื่อส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลตลาดทุน

          หุ้นวิชั่น - สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 พ.ศ. ... โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว สำหรับการเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 เรื่องสำคัญ ได้แก่   (1) การส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัล เช่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดทุนให้ครบถ้วน และการเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับผู้ให้บริการที่มีนัยสำคัญต่อตลาดทุน    (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น การปรับปรุงการกำกับดูแลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจ และการเพิ่มบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า    (3) การกำกับดูแลตลาดรองและองค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น การปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อลดข้อจำกัดในการจัดตั้งและการประกอบการ การเพิ่มมาตรการกำกับดูแลให้การกำกับตลาดหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และการเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์    (4) การระดมทุน การกำกับดูแลสำนักงานสอบบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน เช่น การปรับปรุงเกี่ยวกับการออกและเสนอขายตราสารหนี้ การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ และการกำกับดูแลสำนักงานสอบบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน   (5) การเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการกำหนดมาตรการลงโทษ เช่น การกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. มีอำนาจสอบสวนในความผิดบางประเภทที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นต่อระบบตลาดทุนหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษ โดยเพิ่มมาตรการปรับเป็นพินัยให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565   (6) เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารองค์กรของ ก.ล.ต.   ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1032 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: [email protected] [email protected] หรือ [email protected] หรือสามารถเข้าไปให้ความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย https://www.law.go.th/listeningDetail?survey_id=NDY2NERHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2567

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

ก.ล.ต. กล่าวโทษ 29 ราย ต่อ DSI กรณีปั่นหุ้น DPAINT

ก.ล.ต. กล่าวโทษ 29 ราย ต่อ DSI กรณีปั่นหุ้น DPAINT

          หุ้นวิชั่น - ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิดรวม 29 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) (DPAINT) พร้อมทั้งรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2565 และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม พบพยานหลักฐานที่ทำเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลรวม 29 ราย ได้แก่ (1) นางละออ ตั้งคารวคุณ (2) นางวิไล ตั้งคารวคุณ (3) น.ส.พัทธ์ธีรา หอมวิไล (4) น.ส.นิชานันท์ จีรไชยวรโชติ (เดิมชื่อ น.ส.จิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ) (5) นายนำพล ไชยพงศ์ผาติ (6) นายธนกฤต เลิศผาติ (7) นายวิวัฒน์ เลิศผาติ (8) นายณัฐภณ นิธิธนัตกุล (9) นายพัฒนะ นิธิธนัตกุล (10) น.ส.กนกพัฒน์ โชคธนมณี (11) นางรุ่งทิพย์ มณีวรรณ์ (12) นายปวิช ชัยธรรมกร (13) น.ส.พิมพ์ณดา วิทยาอมรโรจน์ (14) นายวินิจ มณีนวล (15) น.ส.ฐิติพร วังไพฑูรย์ (16) นายนพดล ศรีสุวรรณ (17) นายปทาน (เดิมชื่อ ประสิทธิ์) ศรีสุวรรณ (18) นายอนุวัฒน์ แซ่ตั้ง (19) นายกฤษกรณ์ รัมย์ไธสง (20) นายพงษ์พันธ์ ปานะพิมพ์ (21) น.ส.สุนันท์ สาลีพันธ์ (22) นายภาณุภณ วรพาณี (23) น.ส.สิริพิชชา มณีวรรณ์ (24) นายวงศภัค นิธิธนัตกุล (25) น.ส.สโรชา นาคบำรุง (26) นายตฤณ ถิรธนโภคิน (27) นายประสิทธิ์ ศิริเยาว์วรรณ (28) นายสมเกียรติ อินทสระ และ (29) นายสุรัตน์ อาศิรวาท ได้ร่วมกันสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้น DPAINT ในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีพฤติกรรมการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงก่อนเปิดตลาดภาคเช้าและในระหว่างวัน เช่น ส่งคำสั่งเสนอซื้อและ/หรือเสนอขายในปริมาณมากหลายระดับราคา รวมถึงผลักดันราคาหุ้น DPAINT ให้ปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น ส่งผลให้หุ้น DPAINT เปิดทำการซื้อขายที่ราคา 22.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 200 ของราคาที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น DPAINT ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด อันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดทั้ง 29 รายต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการตามข้างต้นต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว