ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

หุ้นไทย ใจสู้รึเปล่า!

          หุ้นวิชั่น – วานนี้(4 เมษายน 2568) ตลาดหุ้นไทย โดนแรงกระหน่ำขายอย่างหนัก จากความกังวลประเด็นเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่ ที่ประทุร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง ดัชนีมาปิดที่ 1,125.21 จุด ลดลง 36.60 จุด หรือคิดเป็น 3.15% มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 48,286.09 ล้านบาท

ถามว่า ตลาดหุ้นไทยลงมาสุดรึยัง พอรึยัง ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้  

          มาจับตา วันที่ 9 เมษายนนี้  กันว่า จะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ตามที่สหรัฐฯ กำหนดไว้หรือไม่ หรือจะสามารถเจรจาเพื่อเลื่อนออกไปได้ เพราะหากสามารถชะลอการใช้มาตรการได้ จะช่วยลดแรงกดดันจากประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาไม่เป็นผล หรือมีมาตรการตอบโต้กลับจากอีกฝ่าย จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

          ขณะที่ หุ้น CPALL น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยามนี้   โดยรายงานกำไรสุทธิ 7.2 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2567 (+31% YoY, +29% QoQ) ได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS), ธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีก แม้ว่าจะต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายรวมจาก CPAXT จำนวน 268 ล้านบาท

          อย่างไรก็ตาม รายได้รวมยังเติบโต 7% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น +4.2% และการขยายสาขา +5% YoY โดยในปีที่ผ่านมา CPALL เปิดสาขาใหม่ 182 แห่งในประเทศไทย และขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาและลาว รวมถึงการเปิดศูนย์กระจายสินค้าสำหรับแม็คโครเพิ่มขึ้น

          อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจ CVS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 bps อยู่ที่ระดับ 27.6% จากการเติบโตของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ต้นทุน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 40 bps ตามการขยายสาขาและค่าจ้างแรงงาน อย่างไรก็ตาม CPALL ยังคงสามารถบริหารต้นทุนได้ดี และคาดว่าการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการในปี 2568

          แนวโน้มในไตรมาส 1/2568 คาดว่า จะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ทั้งโครงการ Easy e-Receipt และ Digital Wallet ขณะเดียวกันราคาหุ้นในปัจจุบันเทรดที่ PE เพียง 16 เท่า เข้าสู่ระดับที่น่าสนใจ โดยก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวลงมาประมาณ 10% YTD จากปัจจัยลบเรื่องไม่เข้าร่วมลงทุนในกิจการ Seven & i

          ทั้งนี้ Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิปี 2568-2569 (ปีงบประมาณ 2025-2026F) อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท (+10.6% YoY) และ 31,600 ล้านบาท (+12.6% YoY) ตามลำดับ มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 74.82 บาท (ข้อมูลASL)

          มาที่ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยอาจมีแรงขายลดความเสี่ยงจากความกังวลผลกระทบจากแผ่นดินไหวและสงครามการค้า ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

          หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ Div. Yield อย่างน้อย 3% หุ้น SET50 ที่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100 BCH BTG

          หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) สถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี และ 2) คาดจ่ายปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว Div. Yield สูงเกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว  แนะนำ KTB BBL KBANK

          หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต 2) มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยสูง 3) ซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อย 2% และ 5) มี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA  แนะนำ MTC MINT BJC CPF

การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ ลงทุน

ข่าวหัวม่วง และทีมงานหุ้นวิชั่น

 

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Pi Private Wealth เปิดมุมมอง สัมมนา ‘Health & Longevity

Pi Private Wealth เปิดมุมมอง สัมมนา ‘Health & Longevity

บล.กรุงไทยฯ แนะเก็งกำไร DR กลุ่มอิงบริโภค

บล.กรุงไทยฯ แนะเก็งกำไร DR กลุ่มอิงบริโภค

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 4% ทรัมป์เบรกภาษีนำเข้า 90 วัน

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 4% ทรัมป์เบรกภาษีนำเข้า 90 วัน

SCB คาดค่าเงินบาทวันนี้ กรอบ 34.10-34.40 บ./ดอลลาร์

SCB คาดค่าเงินบาทวันนี้ กรอบ 34.10-34.40 บ./ดอลลาร์

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด