หุ้นวิชั่น – “สุวิทย์ งามภูพันธ์” บิ๊กบอส BLC กางแผนธุรกิจปี2568 ตั้งเป้ารายได้โตสูงกว่าอุตสาหกรรมยา หรือโต 10% ลุยสร้างแบรนด์ ขยายช่องทางขายทำเงิน พร้อมเล็งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดโกยยอดปีแรก 200 ล้านบาท เร่งเครื่องสร้างโปรดักส์แชมป์เปี้ยนลงตลาด ส่องโอกาสทองมูลค่าตลาดยาแสนล้าน
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เปิดเผยถึง สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% ต่อปี สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ต่ำกว่า 10% โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การสร้างแบรนด์ และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย
สำหรับปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มยาและอาหารเสริมทุกไตรมาส อาทิ ยาแก้โรคอัลไซเมอร์และยาเบาหวาน โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้จะสร้างยอดขายในปีแรกได้ประมาณ 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ BLC ยังเน้นการสร้างแบรนด์โปรดักส์แชมป์เปี้ยนให้เป็นที่จดจำในตลาด พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเข้าสู่กลุ่มโรงพยาบาล ร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
อุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงยาสามัญ ยาสามัญใหม่ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 100,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายออกเป็น หน่วยงานภาครัฐ ที่ครองส่วนแบ่งสูงถึง 80% และ หน่วยงานภาคเอกชน อีก 20% ตลาดยานี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มยาสามัญและยาสมุนไพรที่มีบทบาทในการรักษาและดูแลสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ภก.สุวิทย์ กล่าวต่อว่า บริษัทวางกลยุทธ์เพิ่มการจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรสูง พร้อมปรับลดการจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรต่ำ รวมถึงปรับขนาดทีมขายให้เหมาะสมกับกลุ่มสินค้าที่มุ่งเน้น โดยจะเพิ่มทีมขายสำหรับสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูง และลดทีมขายในสินค้าที่ไม่ทำกำไร
บริษัทมุ่งเน้นการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ (Portfolio Management) โดยเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เวชสำอาง อาหารเสริม และยาสัตว์ เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรในระยะยาว รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ในการผลิตสินค้า ซึ่งจะช่วยลดสัดส่วนต้นทุนคงที่ต่อรายได้จากการขาย
นอกจากนี้ BLC เตรียมเปิดอาคารผลิตยาแผนปัจจุบันแห่งใหม่ในปี 2569 ซึ่งติดตั้งเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการผลิตและรองรับการขยายธุรกิจในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Roof) ขนาด 500 กิโลวัตต์ บนอาคารผลิตยาแห่งใหม่ ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 2.6 ล้านบาทต่อปี โดยกลยุทธ์นี้จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร พร้อมผลักดันให้อัตราการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง BLC ว่า ในงวด 9M67 บริษัทมีกำไร 118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) โดยคาดว่าแนวโน้มในไตรมาส 4 ปี 2567 จะมีรายได้และกำไรสูงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยบวกจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ในหมวดอาหารเสริมและเครื่องสำอาง รวมถึงการนำเข้าไวรัสอักเสบบี Hepivir ที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้าสู่บัญชีนวัตกรรม ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเสนอขายให้กับโรงพยาบาลรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายช่องทางการตลาดออนไลน์หลังจากการจัดตั้งบริษัท BKD Viva
ส่วนแผนกลยุทธ์การเติบโตในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายให้รายได้เติบโตจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตยาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปี 2569 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 เท่าจากเดิม
ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 และ 2569 เนื่องจากกลยุทธ์การตลาดและช่องทางการขายออนไลน์ รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น Aging Society และความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ขณะที่ราคาหุ้นมี downside risk จากการที่ราคาหุ้นลดลง 19% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 17 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 20 เท่า
รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว
