TOG เผย 9 เดือน คว้ากำไร 298 ล้านบาท ส่วนรายได้ทำได้ 2,674 ล้านบาท แม้ไตรมาส 3/67 ยังเผชิญความท้าทายต่างๆ บริษัทวางกลยุทธ์หลายประการในการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเดินหน้าบริการอัตราแลกเปลี่ยน โบรกมองกำไรไตรมาส 4/67 ดีขึ้น หนุนโดยกำลังการผลิตใหม่ ramp up ต่อเนื่องและอานิสงส์ high season คงกำไรปกติปี 2567 ใกล้เคียงเดิมที่ 436 ล้านบาท โต2% คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท
นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 869 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 74 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9 และมีกำไรสุทธิสำหรับปี 68 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 38 ล้านบาท หรือร้อยละ 36
ในช่วง 9 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 605 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 29 และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 298 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 โดยรายได้จำแนกตามสายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เลนส์พลาสติกธรรมดา เลนส์พลาสติกมูลค่าเพิ่ม เลนส์สั่งฝนพิเศษ และ เลนส์กระจก สินค้าและบรการอื่น
เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่กดดัน เช่น ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึงการคาดการณ์ที่ทำให้ตลาดพลังงานมีความผันผวน ส่งผลให้ราคาน้ำมันไม่มีความแน่นอน บ่งบอกถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในหลายภูมิภาค
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงในหลายประเทศ ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในแง่ของการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะลดลงในปี 2567 ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ
ภาพรวมเศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ จากการส่งออกที่ยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาดของภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสนี้ แต่เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้เพียง 2.6% ตามที่คาดการณ์ไว้ในปี 2567 การฟื้นตัวดังกล่าวยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากนโยบายการเงิน การคลัง รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมในระยะต่อไป.
ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์หลายประการในการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น การขยายตลาดในต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม และการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบอัตโนมัติเพื่อลดต้นทุนแรงงานและปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับกลุ่มบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว
บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TOGรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส 3/2567 ที่ 68 ล้านบาท (-36% YoY, -43% QoQ) หากไม่รวมขาดทุน Fx กำไรปกติอยู่ที่ 120 ล้านบาท (+20% YoY, +6% QoQ) ใกล้เคียงเราคาด โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้1) รายได้ปรับตัวขึ้น +10% YoY แต่ชะลอ -9% QoQ ปรับตัวขึ้น YoY หนุนโดยการขยายกำลังการผลิตเลนส์ Rx ตั้งแต่ต้นปี ทำให้รองรับคำสั่งซื้อได้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าสหรัฐฯ ขณะที่อ่อนตัว QoQ เป็นผลกระทบจากบาทแข็ง2) GPM อยู่ที่ 23% เพิ่มขึ้นจาก 3Q23 ที่ 22% แต่ลดลงจาก 2Q24 ที่ 24% เป็นไปตามทิศทางยอดขาย 3) SG&A/Sale อยู่ที่ 8.2% ปรับตัวลงจาก 2Q24 ที่ 9.3% เนื่องจากค่าใช้จ่ายการเดินทางปรับตัวลง
มองเป็นกลางจากกำไรปกติไตรมาส 3/2567 ใกล้เคียงคาด สำหรับ ไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นประเมินกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น YoY, QoQ หนุนโดยกำลังการผลิตใหม่ ramp up ต่อเนื่องและอานิสงส์ high season เคงกำไรปกติปี 2024E ใกล้เคียงเดิมที่ 436 ล้านบาท (+2% YoY) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท อิง PER 13x