[Vision Exclusive] SUN เดินหน้าดันแบรนด์ KC สู่ตลาดโลก ปักหมุดรายได้ 5 พันล้าน

           ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร SUN เผยบริษัทเดินหน้าขยายตลาดแบรนด์ KC สู่การเป็น Global Brand อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการในตลาดโลก ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาทใน 3 ปี ขณะเดียวกันวางแผนบุกตลาดคาร์บอนเครดิต หวังสร้างรายได้เพิ่มจากการเพาะปลูกข้าวโพดตอบรับเศรษฐกิจสีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

           ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าผลักดันแบรนด์ KC สู่การเป็น Global Brand อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ข้าวโพดกระป๋อง ซึ่งมีสัดส่วนยอดขาย 70% ข้าวโพดแช่แข็ง 20% และสินค้าพร้อมทาน (Ready-to-Eat หรือ RTE) อีก 10% นอกจากนี้ บริษัทสามารถขยายตลาดไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีฐานลูกค้าครอบคลุม 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้นำเข้า/ส่งออกอาหารรายใหญ่ กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ (Retailer) กลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) รวมถึงกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตอาหารและร้านอาหาร

           ทั้งนี้ รายได้จากการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของรายได้รวม บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว

           สำหรับการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีการทำ Forward rate ไว้ 50-70% ของยอดการส่งออก เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แม้สถานการณ์น้ำท่วมและอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่ผ่านมาจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการบ้าง แต่ผลประกอบการทั้งปีของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมการเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) โรงงาน Mini Factory 2 จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 250,000  ชิ้นต่อวันในปีหน้า ทั้งนี้คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จช่วงต้นปี 2568

           อีกทั้งบริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าโดยมุ่งเน้นสินค้าสำหรับกลุ่มธุรกิจขายปลีกมากขึ้น ภายในระยะเวลา 3-5 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย บริษัทได้พัฒนาสินค้าใหม่และเพิ่มคุณค่าให้แก่สินค้าที่ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า 3 ปี (2567-2569) จะมีรายได้แตะ 5,000 ล้านบาท

           พร้อมกันนี้ บริษัท ได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดคาร์บอนเครดิต โดยวางแผนที่จะสร้างรายได้ใหม่ผ่านการเพาะปลูกพืชที่มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพด ซึ่งสามารถสร้างคาร์บอนเครดิตที่สามารถนำไปจำหน่ายในตลาดคาร์บอนเครดิตในอนาคต ทั้งนี้ การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของรายได้ของบริษัทในระยะยาว ตอบรับกับกระแสโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการเข้าสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่บริษัทจะใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานด้านการเกษตรในมิติต่าง ๆ โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจสีเขียว

           ทั้งนี้ SUN เป็นผู้นำธุรกิจข้าวโพดหวานครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความเป็นสากลดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท “KC” และผลิตตามคำสั่งลูกค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า

           บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ระบุถึง คาดว่า SUN จะรายงานกำไรสุทธิใน 3Q67F ที่ 130 ล้านบาท (+55 YoY และ +98% QoQ) โดยที่กำไร เติบโตก้าวกระโดดอย่างมากเป็นผลจากการประมาณว่ามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ราว 50 ล้านบาท จากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างมาก ณ สิ้นไตรมาสนี้ ในขณะที่ คาดกำไรจากการดำเนินงานลดลง 12% YoY แต่เพิ่มขึ้น 15% QoQ อยู่ที่ 104 ล้านบาท ในทิศทางเดียวกับรายได้จากการขายซึ่งคาดว่าจะลดลง 7% YoY แต่ดีขึ้น 15% อยู่ที่ 948 ล้านบาท ขณะที่ การส่งออกข้าวโพดหวานจะถูกกดดันจากการแข็งค่าเงิน บาทและการแข่งขันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้จากการส่งออกไม่แย่อย่างที่เราเคยกังวล เนื่องจากคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น

           กำไรใน 4Q67F น่าจะค่อนข้างแข็งแกร่งแม้เป็นช่วง low season การผลิตข้าวโพดหวานในไตรมาสที่สี่น่าจะต่ำจากปัจจัยฤดูกาลและการปลูกที่ล่าช้าออกไปผลจากฝนตก หนักมากในปีนี้ เมื่อรวมกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่ากำไรของ SUN จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ใน 4Q67F อย่างไรก็ตาม มองว่ากำไรน่าจะค่อนข้างแข็งแกร่งแม้ว่าเป็นช่วง low season เป็นเพราะ SUN ได้สำรองสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (semi-finished products)ไว้ในสินค้าคงคลังและน่าจะมี อุปทานเพียงพอเพื่อการจัดส่งให้ลูกค้าได้ ประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 11% อยู่ที่ 320 ล้านบาทในปี 2567F (-10% YoY) และ 2% อยู่ที่ 362 ล้านบาทในปี 2568F (+13% YoY) จึงปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากถือ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.68 บาท (จากเดิม 4.20 บาท)

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

SEAFCO ยืนหนึ่งฐานราก ขึ้นค่าแรงไม่เป็นปัญหา

SEAFCO ยืนหนึ่งฐานราก ขึ้นค่าแรงไม่เป็นปัญหา

BIZ ลุ้นเซ็นงานใหม่ 500 ล้านบาทใน Q1/68 หนุนรายได้โต 10%

BIZ ลุ้นเซ็นงานใหม่ 500 ล้านบาทใน Q1/68 หนุนรายได้โต 10%

GULF – INTUCH ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC และ THCOM วันที่ 25 ธ.ค.นี้

GULF – INTUCH ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC และ THCOM วันที่ 25 ธ.ค.นี้

UAC รับสินเชื่อ 100 ลบ. จาก ธ.อิสลาม เดินหน้าลงทุนต่อในอินโดฯ และลาว

UAC รับสินเชื่อ 100 ลบ. จาก ธ.อิสลาม เดินหน้าลงทุนต่อในอินโดฯ และลาว

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด