หุ้นวิชั่น – รู้หรือไม่! SNNP หรือ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 30 ปี เริ่มต้นจากการก่อตั้งร้านค้าส่งที่มีชื่อว่า “ศรีวิวัฒน์” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 จากนั้นในปี พ.ศ. 2534 ได้ขยายกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด โดยได้จัดตั้งบริษัทผลิตภัณฑ์อาหาร กิมเฮง จำกัด (KHF) บริษัท สยามเดลี่ฟู้ดส์ จำกัด (SDF) และบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของบริษัทจนถึงปัจจุบัน
บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ที่คุ้นเคยอย่าง “เบนโตะ”, “เจเล่”, “โลตัส” โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มประเภทเยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่ ภายใต้ตราสินค้า “เจเล่” ซึ่งได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ “เจเล่” ได้ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มเยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 72.0% ในปี 2564, 77.4% ในปี 2565 และ 78.0% ในปี 2566
นอกจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแล้ว “เบนโตะ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวประเภทปลาหมึกกรอบ ปลาหมึกเส้น และปลาเส้น ก็ครองส่วนแบ่งการตลาดในอันดับต้น ๆ มาโดยตลอด โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในปี 2564, 2565 และ 2566 อยู่ที่ 72.6%, 73.9% และ 72.4% ตามลำดับ ด้วยคุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้เบนโตะได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนสามารถสร้างความแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวจากอาหารทะเลได้อย่างมั่นคง
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ว่ายังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยรายได้ในประเทศเดือนสิงหาคมสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ และคาดว่าในเดือนกันยายนจะเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ขยายตัวทั้งเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก (HoH) โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม นอกจากนี้ ยังเป็นช่วง High season ของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่มีอัตรากำไรสูง (High Margin) จึงยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ไว้ที่ 691 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับรายได้รวมของบริษัท คาดว่าจะขยายตัว 9% YoY โดยรายได้ในประเทศเติบโต 9% YoY และรายได้ต่างประเทศเติบโต 10% YoY จากตลาดในกลุ่ม CLMV ที่ทรงตัว แต่มีรายได้จากประเทศฟิลิปปินส์และเกาหลีเติบโตถึง 33% YoY ทำให้ภาพรวมธุรกิจต่างประเทศขยายตัวได้ดี ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัวเล็กน้อยจากการเติบโตของ GPM ในเวียดนาม
ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SNNP ด้วยราคาเป้าหมาย 19.00 บาท อิงจากค่า P/E ที่ 26.0 เท่า โดยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันเทรดอยู่ที่ค่า P/E เพียง 17.3 เท่า ใกล้เคียงกับระดับ -1.75 SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงมองว่าเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ SNNP ยังมีจุดเด่นจากการมีผลิตภัณฑ์ทั้งขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มทุกเพศทุกวัย รวมถึงโรงงานการผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต อีกทั้งมูลค่าหุ้น (Valuation) ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับกลุ่ม Food & Beverage ทำให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตอีกมาก เนื่องจากอัตราการเข้าถึงตลาด (Penetration Rate) ในต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ
ด้าน นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยกับ ทีมข่าวหุ้นวิชั่น ว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 หรือ Q4/67 คาดว่าจะเติบโตได้ดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยหากพิจารณาจากตัวเลขการขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ๆ พบว่าอัตราการเติบโตมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีปัจจัยลบมากดดัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การเติบโตของธุรกิจในไตรมาสนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ผู้บริโภคเดินทางและพักผ่อนมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขนมขบเคี้ยวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย คาดว่ายอดขายในไตรมาสนี้จะมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง
ตลาดขนมขบเคี้ยวมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% ต่อปี โดยแบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น หมากฝรั่ง ปลาเส้น และถั่วชนิดต่าง ๆ ขณะที่ SNNP ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มขนมขบเคี้ยวด้วยส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ของผลิตภัณฑ์ “เบนโตะ” ที่ยังคงยืนเหนือระดับ 70% และผลิตภัณฑ์ “เจเล่” ครองมาร์เก็ตแชร์เกือบ 80% ส่งผลให้ SNNP ยังคงเป็น Market Leader ของตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงที่เหลือของปี 2567 SNNP จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายในกลุ่มขนมขบเคี้ยว โดยเน้นทำการตลาดเพื่อเพิ่มความถี่ในการซื้อของผู้บริโภคและขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศและต่างประเทศ
ล่าสุด เบนโตะ แบรนด์ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวจากปลาหมึก เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว “เบนโตะหมึกบดรสไทยคลาสสิคชิลลี่” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยมองเห็นโอกาสในกลุ่มอาหารไทยสตรีทฟู้ดที่ยังคงได้รับความนิยมและมีเสน่ห์เฉพาะตัว จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์หมึกบดเนื้อนุ่ม ที่ให้รสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแบบไทย เหมือนยกรถเข็นหมึกบดสตรีทฟู้ดมาไว้ในซองเบนโตะ ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอครั้งนี้ ทำให้เบนโตะกลายเป็นแบรนด์เดียวที่มีสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวจากปลาครบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น หมึกอบ หมึกอบกรอบ หมึกบด และหมึกทอดกรอบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
สำหรับ “เบนโตะหมึกบดรสไทยคลาสสิคชิลลี่” มีจุดเด่นที่เนื้อหมึกนุ่มเคี้ยวง่าย ชุ่มด้วยน้ำจิ้มรสจัดจ้านสไตล์ไทย คลาสสิค เหมือนยกรถเข็นหมึกบดสตรีทฟู้ดมาไว้ในซอง เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคอายุ 18-29 ปี กลุ่มนักศึกษา วัยทำงานตอนต้น ที่ชื่นชอบขนมขบเคี้ยวแนว snack, ปลาหมึก, กับแกล้ม, สตรีทฟู้ด และผู้ที่ชื่นชอบรสชาติสไตล์ไทย ๆ ได้เป็นอย่างดี
เบนโตะหมึกบดรสชาติใหม่ “ไทยคลาสสิคชิลลี่” วางจำหน่ายในราคาซองละ 20 บาท เฉพาะที่ร้าน 7-11 ทุกสาขา คาดว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่และสร้างความเติบโตให้กับแบรนด์เบนโตะในระยะยาว
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision