หุ้นวิชั่น – SEAFCO เตรียมรับงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท คาด Backlog ปี 2568 พุ่งแตะ 1,500 ล้านบาท มั่นใจทิศทางธุรกิจก่อสร้างฟื้นตัว รับแรงหนุนโครงการรัฐ-เอกชน พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีหน้าแตะ 2,000 ล้านบาท!
ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย โดยคาดว่าจะได้รับงานเพิ่มเติม 4-8 สถานี มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารการจ้างงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากได้รับเอกสารแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการโครงการได้ในไตรมาส 1/2568
สำหรับทิศทางงานในมือ (Backlog) ในปี 2568 บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ปัจจุบันมี Backlog คงเหลืออยู่ประมาณ 300 ล้านบาท และเมื่อรวมกับงานใหม่จากโครงการรถไฟฟ้าสีส้มที่จะได้รับ คาดว่า Backlog จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,400-1,500 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในปี 2568
ประเมินมองทิศทางธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 2568 จะได้รับแรงสนับสนุนจากโครงการของภาครัฐและงานโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ผู้รับเหมามีงานต่อเนื่องในปีหน้า ส่วนงานจากภาคเอกชนยังต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะมีโครงการใหม่ ๆ หรือการกลับมาลงทุนในเมกะโปรเจ็กต์อีกครั้งหรือไม่
ด้านภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ฝั่งดีมานด์เริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังกว่าฝั่งต่ำกว่าซัพพลาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานจากภาคเอกชนขนาดกลางและขนาดเล็ก สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย ขณะนี้ภาครัฐเริ่มผลักดันโครงการ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดก่อสร้างให้ฟื้นตัวขึ้นบ้างในอนาคต สำหรับทิศทางรายได้ของบริษัทในปี 2568 มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท จากปริมาณโครงการภาครัฐที่มีการขับเคลื่อน และการประเมินยอด Backlog ที่จะมีเข้ามาในปีหน้า
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SEAFCO ว่า ระยะสั้น หุ้นถูกกดดันจากงบ 3Q24 ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี มี Catalyst ที่รออยู่ข้างหน้า ได้แก่ การลุ้นรับงานรถไฟฟ้าสายสีส้มจาก CK ซึ่งคาดว่าจะทยอยประกาศ Sub-contract งานฐานรากของแต่ละสถานีตั้งแต่สิ้นปีนี้ ก่อนเริ่มงานในต้นปี 2025 เพื่อหนุนการเติม Backlog โดยบริษัทตั้งเป้ารับงาน 5 สถานี (จากทั้งหมด 11 สถานี) มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท (เทียบกับ Backlog ปัจจุบันที่ 700-800 ล้านบาท) ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของกำไรในปี 2025 โดยเฉพาะใน 2Q-3Q25 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3 บาท