หุ้นวิชั่น – SEAFCO เผยความสำเร็จในธุรกิจฐานราก เดินหน้ารับงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย พร้อมตั้งเป้าขยาย Backlog ทะลุ 3,000 ล้านบาทในปีหน้า ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท ชูจุดเด่น ESG และเทคโนโลยีมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมบุกตลาดต่างประเทศ ขึ้นค่าแรงไม่กระทบบริหารจัดการได้ หนุนการเติบโตในระยะยาว!
ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยถึงความก้าวหน้าของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านงานฐานรากมากว่า 50 ปี โดยเน้นงานเสาเข็มเจาะ งานฐานราก และงานโยธา ซึ่งมีความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในอดีต SEAFCO มีบทบาทสำคัญในโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการ One Bangkok มูลค่าสูงถึง 1,700 ล้านบาท นับเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทเคยรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังมี โครงการดุสิต มูลค่า 1,100 ล้านบาท รวมถึง โครงการไอคอนสยาม และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน
โครงการใหม่และเป้าหมายการเติบโต
ล่าสุด SEAFCO ได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย มูลค่าแรงงาน 1,200 ล้านบาท โดยจะเริ่มนำอุปกรณ์เข้าสู่พื้นที่ก่อสร้างในเดือนมกราคม 2568 และตั้งเป้าส่งมอบงานภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อสนับสนุนความเร่งด่วนของโครงการนี้
ปัจจุบัน SEAFCO มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โดยยังไม่รวมโครงการสายสีส้มส่วนต่อขยาย ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าขยาย Backlog ให้แตะระดับ 3,000 ล้านบาทในปี 2568 เพื่อตอบรับแนวโน้มความต้องการงานก่อสร้างที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หลังจากที่ภาครัฐมีการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2567 บริษัทคาดการณ์รายได้รวมที่ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมเนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม SEAFCO มั่นใจว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว โดยตั้งเป้ารายได้รวม 2,000 ล้านบาท ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ บางพื้นที่ บริษัทมองว่าไม่กระทบเพราะสามารถบริหารจัดการได้ ทำให้ต้นทุนไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย ESG และการขยายตลาดต่างประเทศ
ในด้านกลยุทธ์ SEAFCO ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น เสาเข็มที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการจัดการโครงการที่คำนึงถึงความยั่งยืน
นอกจากนี้ SEAFCO ยังเดินหน้าขยายตลาดในต่างประเทศ โดยมองว่าตลาดต่างประเทศเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโต ล่าสุดบริษัทมีแผนที่จะรุกตลาด โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในบังกลาเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสเชิงกลยุทธ์ หลังจากประสบความสำเร็จในงานโครงการที่ประเทศสิงคโปร์
ในระยะยาว SEAFCO ยังเตรียมเสริมศักยภาพด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่และขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศที่มีความต้องการโครงสร้างพื้นฐานสูง เช่น เมียนมาร์ ซึ่ง SEAFCO ได้ตั้งสำนักงานมานานกว่า 8 ปี
ด้วยความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมก่อสร้างและแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน SEAFCO มั่นใจในศักยภาพของบริษัทที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาทในปี 2568