SCGP ถึงรอบฟื้นตัว โบรกเคาะราคาใหม่ 22.00 บาท

 


               หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง SCGP เตรียมเข้าสู่รอบของการฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q25 เป็นต้นไป คาดกำไรปกติ 4Q24 เป็นจุดต่ำสุดของรอบ คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 79 ล้านบาท ลดลง 88% QoQ และ 94% YoY และเป็นจุดต่ำสุดของรอบ หลังถูกกดดันจาก

1) ปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่คาดทำได้เพียงทรงตัวที่ระดับ 9.8 แสนตัน (ทรงตัว QoQ, -4% YoY) หลังความต้องการใช้งานกระดาษบรรจุภัณฑ์ของจีนยังคงอ่อนแอ (เห็นได้จากยอดนำเข้า Containerboard เฉลี่ยเดือน ต.ค. – พ.ย. 24 ของจีนที่ระดับ 5.8 แสนตัน/เดือน ต่ำกว่าช่วง Pre-COVID ที่ราว 8.0 แสนตัน/เดือน มาก)

2) คาดบริษัทฯ มีการรับรู้ผลขาดทุนจาก Fajar เพิ่มขึ้น QoQและ YoY จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 100% แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก

3) คาดต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 680 ล้านบาท (+8% QoQ, +32% YoY) จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของเงินกู้ที่ใช้ในการลงทุนใน Fajar แบบเต็มไตรมาส และ 4) ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจรีไซเคิลที่ยังถูกกดดันจาก ระดับการบริโภคในยุโรปที่อ่อนแอ หากกำไรปกติ 4Q24 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติปี 2024 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 91% ของประมาณการเดิมของเรา

ปรับประมาณการปี 2024-26 ลงหลังแนวโน้มกำไร 4Q24 อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้

               เราปรับประมาณการปี 2024-26 ลง 9-22% เป็น 3,923 ล้านบาท (-24% YoY), 3,650 ล้านบาท (-7%YoY) และ 4,111 ล้านบาท (+13% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไร 4Q24 ที่อ่อนแอกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า (ผลจากอุปสงค์บรรจุภัณฑ์จีนและระดับการบริโภคในยุโรปที่ยังอ่อนแอ) โดยการลดลงในปี 2025 มีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนและต้นทุนทางการเงินจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Fajar แบบเต็มปี ทั้งนี้คาดกำไรปกติของ SCGP จะกลับมาเติบโต YoY ได้ในปี 2026 หลังผลประกอบการของ Fajar พลิกเป็นกำไรได้ในช่วง 4Q25

คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัว QoQ ตั้งแต่ช่วง 1Q25 เป็นต้นไป

               เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ระดับ 400-600 ล้านบาท เติบโต QoQ ตามปริมาณขายบรรจุภัณฑ์รวมที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามระดับการบริโภคในจีนและไทยหลังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ของ Fajar (คาดส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงราว 150-250ล้านบาท/ปี) อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติจะยังคงลดลง YoY จากฐานที่สูง หากมองไปช่วง 2Q25 คาดกำไรปกติจะฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 600-800 ล้านบาท จากผลขาดทุนของ Fajar ที่คาดลดลงต่อเนื่อง (คาดพลิกเป็นกำไรในระดับ EBITDA ได้ในช่วงปลาย 2Q25) ตามปริมาณขายที่ฟื้นตัวและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการรับรู้ผลของต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้แบบเต็มไตรมาส ขณะที่ 3Q-4Q25 คาดกำไรปกติจะสามารถฟื้นตัวกลับไปที่ระดับ 1,000-1,300ล้านบาท/ไตรมาส จากอุปสงค์จีนที่ฟื้นตัวและผลขาดทุนของ Fajar ที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง (คาดพลิกเป็นกำไรได้ภายใน 4Q25)

ปรับราคาเหมาะสมเป็น 22.00 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว

               ผลจากการปรับประมาณการลงและการปรับ EV/EBITDA ที่ใช้ประเมินมูลค่าลงเป็น 9.3 เท่า จากเดิม 9.6 เท่า ตามสภาวะตลาดที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 22.00 บาท/หุ้น มี Upside 24.3% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ตามในช่วงสั้นการฟื้นตัวของราคาหุ้นจะยังคงถูกจำกัดจากการปรับลดประมาณการของตลาด (IAA Consensus คาดกำไรปี 2025 ที่ 5,572 ล้านบาท) และกำไร 4Q24 ที่ลดลงทั้ง QoQ และ YoY ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยจึงอาจพิจารณาเข้าลงทุนหลังการรายงานผลประกอบการ 4Q24 ในวันที่ 28 ม.ค.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

MC ร่วม Easy E-Receipt  ชวนช้อป ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท

MC ร่วม Easy E-Receipt ชวนช้อป ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท

SAMTEL แจ้งกิจการร่วมค้า คว้างานปรับปรุงระบบ AOT 1.32 พันล.

SAMTEL แจ้งกิจการร่วมค้า คว้างานปรับปรุงระบบ AOT 1.32 พันล.

DEMCO คว้าสัญญาโครงการใหญ่ มูลค่า 185.16 ล้านบาท

DEMCO คว้าสัญญาโครงการใหญ่ มูลค่า 185.16 ล้านบาท

PTTGC เดินหน้าผลิตเชื้อเพลิง SAF สำเร็จรายแรกของไทย ย้ำศักยภาพผู้นำเคมีภัณฑ์คาร์บอนต่ำระดับโลก

PTTGC เดินหน้าผลิตเชื้อเพลิง SAF สำเร็จรายแรกของไทย ย้ำศักยภาพผู้นำเคมีภัณฑ์คาร์บอนต่ำระดับโลก

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด