หุ้นวิชั่น – PTT จุดกระแสซื้อหุ้นคืน หลัง PTT จุดกระแสด้วยวงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท โบรกฯ ชี้ Big Cap หุ้น Big Cap หลักๆในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมีที่มีโอกาสเห็นการซื้อคืนระยะถัดไป อาทิ SCB, KBANK, KTB , BBL, PTTGC, TOP, BCP หนุนราคาหุ้น-เพิ่มอัตราตอบแทนผู้ถือหุ้น
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”) หรือ PTT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลท.”) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 16,000 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 470 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 1.65 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดโดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของ ตลท. (Automatic Order Matching: AOM) และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2568
กรอบราคาซื้อคืน ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่จะซื้อหุ้นคืนจะไม่เกินราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่ทำการซื้อขายแต่ละครั้ง บวกด้วย 15% ของราคาปิดเฉลี่ยดังกล่าว และเพื่อประกอบการพิจารณาราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2568 ถึง 19 มี.ค. 2568 เท่ากับ 30.33 บาทต่อหุ้น (ราคาปิดเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน)
เหตุผลซื้อหุ้นคืน นายคงกระพันระบุว่า เหตุผลในการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ 1. เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ 2. เพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และ 3. เป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน และผู้ถือหุ้นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง PTT ว่า ถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการพยุงราคาหุ้น ผ่านการส่งสัญญาณของ PTT ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และยังสะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทอีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ PTT ภายใต้เงินสด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 ซึ่งมีอยู่ราว 120,000 ล้านบาท รวมกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) ที่คาดว่าจะได้รับในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ราว 64,000 ล้านบาท ขณะที่มีภาระหนี้สินที่จะถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือนประมาณ 84,000 ล้านบาท
เมื่อ PTT ดำเนินการซื้อหุ้นคืน จำนวนหุ้นในตลาดจะลดลง ส่งผลให้ กำไรต่อหุ้น (EPS) และ เงินปันผลต่อหุ้น (DPS) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โครงการซื้อหุ้นคืนถือเป็น Sentiment เชิงบวก ต่อราคาหุ้น ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของ PTT ยังคงแข็งแกร่ง โดยทิศทางกำไรในปี 2568 มีแนวโน้ม ประคองตัวในระดับสูงกว่าปีก่อน (YoY) ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ PTT ที่สามารถ กระจายความเสี่ยงของพอร์ตธุรกิจ (Diversified Portfolio) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีธุรกิจที่มีกำไรดีขึ้นเข้ามาช่วย ชดเชย (offset) ธุรกิจที่มีกำไรชะลอลงได้ นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นในด้าน เงินปันผล โดยมี Dividend Yield เฉลี่ยต่อปี เกือบ 7% ต่อปี (p.a.)
อีกทั้ง PTT ยังเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.4 เท่า และมี กระแสเงินสด (Cash Flow) ในระดับสูงในระยะสั้น มีการปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น PTT จาก “Neutral” เป็น “Outperform”
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จับตากระแสการซื้อหุ้นซื้อคืนกลับมาคึกคักขึ้น หลัง PTT ประกาศโครงการซื้อหุ้น คืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) วงเงินสูงสุดไม่เกิน 16,000 ลบ. และจำนวนหุ้นซื้อคืน ไม่เกิน 470 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.65% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด (implied ราคาหุ้น ซื้อคืนราว 34 บาท/หุ้น) หลังจากนี้ คาดตลาดมีโอกาสเก็งกำไรหุ้น Big Cap ที่มีศักยภาพดำเนินการได้ อิงรายงานกลยุทธ์ “โอกาสลงทุนจากกระแสหุ้นทุนซื้อคืน” ที่ฝ่ายวิจัยออกวันที่ 29 มีนาคม 2525 ซึ่งพบว่า มีหุ้น Big Cap หลักๆในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมีที่มีโอกาสเห็นการซื้อคืนระยะถัดไป อาทิ SCB, KBANK, KTB , BBL, PTTGC, TOP, BCP
นอกจาก PTT, TTB ที่ประกาศ โครงการดังกล่าว รวมถึงหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ที่ปรับเพิ่มอัตราจ่ายเงินปันผลไปแล้ว รอติดตามหุ้นที่ยังประกาศในส่วน BCP, PTTGC, TOP