“OKJ” โชว์ฟอร์มสวยเปิดเทรดวันแรก 10.10 บาท พุ่ง 50.75% ปักหมุดสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ระดมทุนเปิดสาขาใหม่ ‘โอ้กะจู๋’ ‘Oh! Juice’ และ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’ รวมเป็นกว่า 150 สาขาภายในปี 71
“บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่” ผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ปักหมุดสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ปักธงเปิดสาขาใหม่ ‘โอ้กะจู๋’ ‘Oh! Juice’ และ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’ เพื่อให้มีจำนวนสาขารวมมากกว่า 150 สาขาภายในปี 71
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (กลาง) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจิรายุทธ ภูวพูนผล (ที่ 4 จากขวา) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ นายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ที่ 3 จากขวา) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการ นายชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล (ขวา) ที่ปรึกษา บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย นายดิษทัต ปันยารชุน (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี นายอัสสเดช คงสิริ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการ นายอำนวย จิรมหาโภคา (ซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์ 1 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดี โดยหุ้น OKJ เปิดทำการซื้อขายที่ราคา 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 50.75% จากราคาจองซื้อที่ 6.70 บาทต่อหุ้น ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 4 ตุลาคม 2567
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “OKJ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรก (4 ตุลาคม 2567) ในตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย หมวดเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อ ‘OKJ’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์
“โอ้กะจู๋” “Oh! Juice” และ “Ohkajhu Wrap & Roll” จะสนับสนุนให้ OKJ เป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และมีความยั่งยืนในอนาคต
บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาสูตรอาหารและเครื่องดื่มมาโดยตลอด เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และความพร้อมด้านบุคลากรของฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มทำให้เมนูอาหารเพื่อสุขภาพมีรสชาติอร่อยแปลกใหม่ ทานง่าย ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายให้บริษัทฯ ได้มากขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้เวลาในการคิดค้นและออกเมนูหรือผลิตภัณฑ์ใหม่เพียงประมาณ 1-2 เดือน
อย่างไรก็ตาม OKJ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจและสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมรวมถึงการศึกษาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve โดยตั้งเป้าแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปี (2567-2571) ในการขยายสาขาใหม่ทั้ง 3 แบรนด์ แบ่งเป็น วางแผนจะขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็น 67 สาขา จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full-service Restaurant) และร้านอาหารในรูปแบบ
Deliver & Kiosk รวมทั้งสิ้น 37 สาขา, ขยายสาขาแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” ให้ครบ 20 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 1 สาขา และขยายสาขาแบรนด์ “Oh Juice” ให้ครบ 70 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 157 สาขาภายในปี 2571 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ
นอกเหนือจากนั้น บริษัทฯ ยังวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางต่าง ๆ ที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ (Delivery and Kiosk) เน้น Delivery และ Grab & Go, การให้บริการแบบ
Drive Thru การบริการอาหารว่าง (Snack box) การสั่งอาหารทางออนไลน์ Food Delivery Platform ต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้รับการสนับสนุนจาก OR ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทฯ ซึ่ง OR เป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ ที่พร้อมส่งเสริมการเติบโตในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ในทำเลที่มีศักยภาพ (Strategic location) การนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปวางจำหน่ายผ่านร้าน Café Amazon นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการวางจำหน่ายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ เช่น ผัก สลัดพร้อมทาน ผ่าน Rimping Supermarket ใน จ.เชียงใหม่ และ Gourmet Market ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม OKJ ยังมีแผนในการเพิ่มบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น การจำหน่ายและบริการวางแผนมื้ออาหาร (Meal plan) และการจัดเลี้ยง (Catering) ซึ่งตอบโจทย์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง และความนิยมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ กล่าวเพิ่มว่า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการทำเกษตรอินทรีย์ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนากระบวนการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต โดยได้ศึกษาและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกให้เป็นเกษตรอินทรีย์เชิงอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตให้ได้ปริมาณที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เพาะปลูกเท่าเดิม โดยจะใช้เงินระดมทุนมาลงทุนในระบบและอุปกรณ์ที่ได้ศึกษาและออกแบบไว้
ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้อีกประมาณร้อยละ 300 จากปริมาณผลผลิตที่ได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ได้มีกลยุทธ์ในการลงทุนและพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก เช่น เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ เครื่องย้ายต้นกล้า เครื่องโปรยปุ๋ย รถไถพรวนดิน ระบบรดน้ำ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการสรรหาผลผลิต รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร อีกทั้งลดการใช้เคมี คืนผืนป่าและต้นน้ำให้แก่ชุมชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลผลิตที่ได้รับจากเครือข่ายเกษตรกร จึงมีแผนในการพัฒนาสถานที่ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ (In-house lab) จากผักที่รับซื้อจากเกษตรกรทุกรอบ สำหรับการใช้ในร้านอาหารรวมถึงการจำหน่ายภายใต้โครงการโอ้กาด และให้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ เอง (Ohkajhu’s Certified) เพื่อให้มั่นใจว่าผักที่ซื้อจากเกษตรกรทั้งหมดจะเป็นผักออร์แกนิคที่ปราศจากสารพิษและสารเคมีตกค้าง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) โดยมีแผนในการสร้างครัวกลางกรุงเทพฯ แห่งใหม่ ในโซนรังสิต จ.ปทุมธานี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบได้ภายในไตรมาส 3/2568 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงแผนพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงห้องล้างผัก และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในครัวกลาง ระบบการบริหารจัดการวัตถุดิบสินค้าคงเหลือ และสำนักงาน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า OKJ เป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย จึงมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมากในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ที่ผ่านมา เนื่องจาก แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารสุขภาพ ที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพระดับพรีเมี่ยม โดยบริษัทฯ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพระดับสูง ใช้ผักสดใหม่จากสวน ด้วยกระบวนการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ที่เสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงมีผัก และดอกไม้ที่หลากหลายกว่า 50 ชนิด ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้บริษัทฯ แตกต่างจากร้านอาหารอื่น ๆ ขณะเดียวกันมีการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์ และเมนูเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ (Trend setter) ส่งผลให้ OKJ เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตในอนาคตอีกมาก