หุ้นวิชั่น – OR ปีนี้ตั้งเป้าปริมาณขายน้ำมันเติบ โต 3-5% หวังเติบโตตามเศรษฐกิจ ปีนี้โอกาสเห็นนักท่องเที่ยว 39 ล้านคน มองราคาน้ำมันดิบปีนี้73-79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตั้งงบลงทุน 1.9 หมื่นล้านบาท ใช้ขยายสถานีบริการใหม่ 100 แห่ง-ลงทุนในธุรกิจ Lifestyle และGlobal พร้อม มีเจรจาดีล M&A แบรนด์ใหม่ทดแทนร้านเท็กซัส ชิคเก้น ชัดเจนกลางปีนี้ ต่อยอดการเติบโต
นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ปริมาณการขายน้ำมัน (วอลุ่ม) ในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-5% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย (GDP) โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในระดับ 2.3-3.3% โดยได้แรงขับเคลื่อนจากภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยว โดยในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยประมาณ 39 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 35.5 ล้านคน ส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น และสนับสนุนการเติบโตของปริมาณน้ำมันอากาศยาน (Jet Fuel) กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ OR จะต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบคาดว่าจะอยู่ในช่วง 73-79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับปีก่อนที่ระดับ 79.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งบริษัทจะต้องบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 คาดว่าธุรกิจน้ำมันจะยังคงเติบโตในปริมาณ 3-5% ขณะที่ธุรกิจ Lifestyle ยังคงมีอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) อยู่ที่ระดับ 26-30% โดยธุรกิจ Lifestyle ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีแนวโน้มเติบโตทั้งรายได้และ EBITDA margin อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของแผนการขยายส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) จากปีก่อนที่อยู่ที่ 39.2% (อันดับ 1) OR เตรียมพัฒนาแคมเปญให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น พร้อมออกโปรโมชั่นที่เข้าถึงได้ง่ายและสามารถเพิ่มปริมาณการขายได้ทั้งในตลาดสถานีบริการและตลาด Commercial
บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนในปีนี้ประมาณ 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. ธุรกิจ Mobility (40%): ขยายสถานีบริการ PTT Station ใหม่เพิ่มอีก 100 แห่ง จากสิ้นปี 2567 ที่มีจำนวน 2,754 แห่ง รวมถึงขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ
2. ธุรกิจ Lifestyle (39%): รองรับการขยายสาขาและปรับปรุงร้าน Café Amazon และเตรียมเงินสำหรับการซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจใหม่ ๆ
3. กลุ่มธุรกิจ Global (15%): ขยายสถานีบริการ PTT Station และร้าน Café Amazon ในต่างประเทศ โดยเน้นหลักที่ประเทศกัมพูชา เนื่องจากมีอัตราการเติบโตสูง โดยเงินลงทุนที่เหลือจะใช้ในด้าน Innovation เพื่อรองรับธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มที่สนับสนุนทั้ง Mobility และ Lifestyle
สำหรับความคืบหน้าดีลการซื้อกิจการ (M&A) ในปีนี้ คาดว่าในช่วงกลางปีจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนในธุรกิจ Lifestyle ซึ่งจะมีแบรนด์ใหม่เข้ามาทดแทนร้าน Texas Chicken ที่บริษัทได้หยุดดำเนินการไปในปีที่ผ่านมา ส่วนด้านธุรกิจ Mobility ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในรูปแบบ Project โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า