หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี ระบุ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) รายงานกำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 2,999 ล้านบาท (+1,455% y-y, เทียบกับ -1,609 ล้านบาทใน 3Q67) หากตัดรายการพิเศษ เช่น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 632 ล้านบาท, การด้อยค่าของเงินลงทุนใน KNEX (ร้านสะดวกซัก Otteri) -343 ล้านบาท และรายการอื่น ๆ ออก จะมีกำไรปกติที่ 2,592 ล้านบาท (+217% y-y, +1,203% q-q) ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ การฟื้นตัวสูงในปีต่อปี (y-y) เกิดจากการลดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลง ทั้งค่าใช้จ่ายพนักงาน, ค่าใช้จ่ายจากการจ้างภายนอก (outsource) และการลดค่าใช้จ่ายโฆษณา ส่วนการเติบโตในไตรมาส (q-q) เกิดจากธุรกิจ Mobility ที่ไม่มีการขาดทุนจากสต็อก (stock loss) ใหญ่ ๆ มาฉุด กำไรขั้นต้นต่อลิตรอยู่ที่ 0.83 บาท/ลิตร (+11% y-y, +63% q-q) และธุรกิจ Lifestyle เติบโตทั้งจากปริมาณการขายและอัตรากำไร
*คงมุมมองปี 68 ส่วนแบ่งตลาดน้ำมันฟื้น และ Lifestyle โตได้ต่อเนื่อง คาดกำไรปกติในปี 68 จะเติบโต 37% y-y เป็นประมาณ 11,706 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้
1. ธุรกิจ Mobility เติบโตจากทั้งการขยายสาขาและการทยอยชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันคืน โดยกำไรขั้นต้นต่อลิตรฟื้นตัว 8% เป็นประมาณ 0.9 บาท/ลิตร จากการที่ราคาน้ำมันลดลง ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการที่รัฐแทรกแซงปรับราคาดีเซล
2. ธุรกิจ Lifestyle ยอดขายฟื้นตัวตามการขยายสาขา +5% y-y (โดยในปี 67 คาดจะขยายสาขา +7% และปริมาณขาย +8%) และค่าใช้จ่าย outsource ลดลง รวมถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนที่ดี ทำให้สามารถปรับขึ้นราคาช้ากว่าคู่แข่ง ซึ่งช่วยหนุนยอดขาย
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 17.0 บาท/หุ้น มองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบของปี 67 แล้ว (ปริมาณการขายน้ำมันที่ลดลง และความกังวลเรื่องเงินลงทุน) หากสามารถรับความเสี่ยงจากกฎหมายคุมราคาน้ำมันได้ มองว่าน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยเริ่มเห็นสัญญาณการรักษาส่วนแบ่งตลาดน้ำมันได้ คาดว่าการฟื้นตัวของกำไรขั้นต้นต่อลิตรจะหนุนการเติบโตต่อเนื่องในปี 68-69 ที่ +23% CAGR เมื่อเทียบกับ PER 2025F ที่ประมาณ 12 เท่า
โดยบริษัทมีสภาพคล่องดี (IBD/EQ อยู่ที่ราว 0.3 เท่า) และมีเงินสดในมือประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท (หรือประมาณ 3.9 บาท/หุ้น) ซึ่งเพียงพอสำหรับการขยายตัวในระยะยาว และสนับสนุนการขยายธุรกิจ Mobility และ Lifestyle