หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ MAJOR รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 321 ล้านบาท +539% QoQ, -4% YoY ดีกว่าประมาณการ 21% จากรายได้ธุรกิจ Movie Content ที่ทำได้สูงกว่าคาด
► รายได้รวม +42% QoQ, -20% YoY เป็น 2,355 ล้านบาท เทียบ QoQ เติบโตโดดเด่นเนื่องจากมีภาพยนตร์ไทยทำรายได้ดีหลายเรื่อง ได้แก่ ทิ้งหยด 2, วัยหนุ่ม 2544 ขณะที่เทียบปีก่อนชะลอตัว โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้
-
- รายได้ภาพยนตร์ที่ปรับลดลง 26% YoY จากฐานที่สูง รายได้จากการขายอาหารและป๊อปคอร์น -27% YoY ตามรายได้ภาพยนตร์ และบริษัทยกเลิกโปรโมชั่นลดราคา ซึ่งปีก่อนมีรายการโปรโมชั่นขายผ่าน Shopee
- รายได้จากธุรกิจโฆษณากลับมาเติบโต 3% YoY จากการที่ผู้ประกอบการกลับมาใช้งบมากขึ้น
► เทียบ YoY ประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น แม้ยอดขายจะลดลง แต่มีผลบวกจากนโยบายการควบคุมต้นทุน, ต้นทุนค่าไฟลดลง, ต้นทุนค่าเช่าลดลงจากการเจรจาขอปรับลดค่าเช่า, ต้นทุนจัดงานอีเวนต์ลดลง และกลยุทธ์ในการยกเลิกปรับลดราคาป๊อปคอร์น รวมถึงรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ที่มีอัตรากำไรสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ EBITDA Margin ปรับตัวดีขึ้นจาก 4Q23 ที่ 26.8% เป็น 33.3%
► ภาพรวมปี 2024 บริษัทมีกำไรปกติที่ 744 ล้านบาท +23% YoY (เทียบปีก่อนไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากการขายหุ้น MPIC) ปัจจัยหลักจากนโยบายควบคุมต้นทุน และการปรับกลยุทธ์ยกเลิกปรับลดราคาป๊อปคอร์น
► บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดปี 2024 ที่ 0.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 1.5% จากราคาปัจจุบัน XD วันที่ 17 เม.ย. 2024 เงินปันผลถือว่าออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น บริษัทให้เหตุผลว่าเนื่องจากเพิ่งผ่านช่วงการซื้อหุ้นคืน
Our Take
► แนวโน้มผลประกอบการ 1Q25 คาดกำไรพลิกกลับมาเติบโต YoY เนื่องจากมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เช่น พนอ, คุณชาย, Captain America: Brave New World และ Snow White เป็นต้น
► ปี 2025 คงประมาณการกำไรปกติที่ 802 ล้านบาท +8% YoY โดยมีปัจจัยหนุนจาก
-
- กระแสความนิยมในภาพยนตร์ไทย ในปี 2025 ทางบริษัทย่อย M Studio มีแผนในการลงทุนสร้างภาพยนตร์มากกว่า 20 เรื่อง (เทียบปี 2024 ที่ 7 เรื่อง) โดยร่วมสร้างกับพันธมิตร อาทิ BEC, MONO, WORK และ PLANB เป็นต้น คาดว่ารายได้ของ M Studio เติบโตราว 30-40% ขณะที่คาดมีภาพยนตร์ไทยรวมกับค่ายอื่นเข้าฉายถึง 65-70 เรื่อง และเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่มากขึ้น
- คาดรายได้จากธุรกิจจำหน่ายป๊อปคอร์น และเครื่องดื่มเติบโตตามรายได้ภาพยนตร์ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลากหลายรสชาติมากขึ้น พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงการยกเลิกกลยุทธ์ปรับลดราคา และทยอยเพิ่มเครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นอัตโนมัติ (Self-Ordering Kiosk: SOK) และลดพนักงานขาย ช่วยลดต้นทุน
- รายได้จากโฆษณาคาดจะพลิกกลับมาเติบโต จากกำลังซื้อที่กลับมา และกระแสภาพยนตร์ไทยที่ดีขึ้น
► คงคำแนะนำ “ซื้อ” แนวโน้มผลประกอบการปี 2025 ที่คาดเติบโตต่อเนื่อง จากรายได้จากภาพยนตร์ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ตามกระแสภาพยนตร์ไทยที่กลับมานิยม และคาดฝั่งฮอลลีวูดจะมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายมากขึ้น คงมูลค่าพื้นฐานปี 2025 ที่ 17.90 บาท อิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.8% Terminal Growth 2%
► ระยะสั้นอาจมี sentiment ลบจากปันผลที่บริษัทประกาศมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด