หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับประมาณการกำไร SUN โรงงาน RTE ใหม่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตรายได้ปี 2568F โรงงานกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) แห่งใหม่ซึ่งกำหนดจะเริ่มดำเนินการใน 1Q68 จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของ SUN ในปี 2568 โดยที่กำลังการผลิตกลุ่มสินค้าพร้อมทานจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสู่ 3.0 แสนชิ้นต่อวัน จากปัจจุบันที่ 1.5 แสนชิ้นต่อวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ดำเนินการเต็มกำลังการผลิตแล้ว
นอกจากนี้ SUN วางแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในปีหน้าอีกด้วย จากที่มี 15 SKUs ในปัจจุบันที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งจะรวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าพร้อมทานต่าง ๆ ที่มีอายุการเก็บที่ยาวนานขึ้นเพื่อมุ่งเป้าไปที่การขายในต่างประเทศ ทั้งนี้ประเมินว่ารายได้ของกลุ่ม RTE จะเติบโตราว 43% ในปี 2568F และ 22% ในปี 2569F ความร่วมมือกับเต็ดตราแพ็ค (Tetra Pak) เป็นตัวเร่งการเติบโตใหม่
SUN ได้เข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ระยะยาว 8 ปีกับบริษัทเต็ดตราแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านโซลูชันกระบวนการผลิต การบรรจุและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อผลิตข้าวโพดหวานในบรรจุภัณฑ์กระดาษโดยที่ภายใต้ข้อตกลงนี้ทางเต็ดตราแพ็คจะจัดหาบรรจุภัณฑ์กระดาษและให้ยืมใช้เครื่องจักรสำหรับสายการผลิตใหม่ด้วยกำลังการผลิตราว 35-40 ล้านชิ้นต่อปี
ขณะที่ สายการผลิตดังกล่าวนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนตุลาคม 2568 มองว่าความร่วมมือนี้เป็นตัวหนุนของการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อ SUN ขณะที่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บรรจุในกล่องกระดาษนี้มีอุปสงค์อย่างมากจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของ SUN โดยที่ประเมินว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้ประมาณ 75 ล้านบาทในปี 2568F และเติบโตโดดเด่นในปีถัดไป
ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ขึ้นเล็กน้อยที่ 3% อยู่ที่ 330 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นของ SUN และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ราว 0.7ppts อยู่ที่ 21.9% ขณะที่ กำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากโรงงาน RTE ใหม่และความร่วมมือกับเต็ดตราแพ็คคาดว่าจะผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ราว 17-18% ต่อปีในปี 2568F-2569F
อย่างไรก็ตามเมื่อคำนึงถึงแรงกดดันที่อาจเกิดจากค่าเงินบาทแข็งค่าและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ประมาณการค่อนข้างอนุรักษ์นิยมว่า GPM จะลดลงอยู่ที่ 20.8% ในปี 2568F ดังนั้นคาดว่ากำไรสุทธิของ SUN จะเติบโตปานกลางราว 10% เป็น 363 ล้านบาทในปี 2568F ก่อนที่จะเร่งโตขึ้น 20% (435 ล้านบาท) ในปี 2569F
ฝ่ายวิเคราะห์คงให้คำแนะนำซื้อหุ้น SUN หลังจากผ่านพ้น 4Q67 ที่เป็นช่วง low season ของการส่งออกแล้ว คาดว่าวัฏจักรการเติบโตรอบใหม่น่าจะเริ่มใน 1Q68 เพราะฉะนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับ PER ของ SUN ใหม่ขึ้นเป็น 11x (เฉลี่ย PER ระยะยาว) และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นใหม่ที่ 5.15 บาท จากเดิม 4.68 บาท (PER ที่ 10x) นอกจากนี้ คาดว่า SUN จะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจูงใจราว 6.5% ในปี 2567F และ 7.1% ในปี 2568F ซึ่งตอกย้ำความน่าสนใจในการลงทุน เป้าปี 2568 ที่ 5.15 บาท