หุ้นวิชั่น – GULF เดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในพอร์ต เผยโครงการพลังงานทดแทนเฟส 1 ของรัฐ รอลงนามสัญญาอีก 414 เมกะวัตต์ มองหากเลื่อนเฟส 2 ไม่กระทบ และยังพร้อมประมูลงานหากรัฐเปิดโอกาสโครงการใหม่ๆ ปี 68 กำลังการผลิตพุ่งเพิ่มอีก 1,500 เมกะวัตต์ มองปีหน้าดีมานด์ใช้ไฟฟ้าเติบโต ทั้งรถอีวี ดาต้าเซ็นเตอร์หนุน คงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้เป็น 40% เผยงบลงทุนโครงการพลังงานในประเทศ 6 ปี ข้างหน้า ที่ 4 หมื่นล้านบาท
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนเฟสแรก 5,200 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่บริษัทได้รับคัดเลือกมา หากคิดที่บริษัทถือหุ้น 100 % มีโครงการที่ผ่านการคัดเลือกรวม 1,764เมกะวัตต์ โดยมีการลงนามสัญญาไปแล้วกว่า 1,350 เมกะวัตต์ เป็นโครงการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) และเหลือโครงการที่รอลงนามสัญญาจำนวน 414 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการลม นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ร่วมมือกับพันธิตรอีก อย่างไรก็ดีบริษัทจะเดินหน้าในการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง สำหรับงบลงทุนโครงการพลังงานทดแทนในประเทศช่วง 6 ปี ข้างหน้าในส่วนที่บริษัทต้องใส่เงินลงทุน อยู่ที่ ประมาณ 40,000 ล้านบาท
ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้า HKP หน่วยผลิตที่ 2 (770 เมกะวัตต์) จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มกราคม 2568 อีกทั้ง โครงการ solar farms และ solar farms with battery energy storage systems มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมรวมอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 600 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ รับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินการ
เชิงพาณิชย์ของโครงการดังกล่าว ในส่วนของธุรกิจนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเข้า LNG เป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 5 ล้านตัน เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC, GPD และ HKP นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล GSA DC (data center) ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งมีขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยเฟสหนึ่งขนาด 25 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีแผนที่จะเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2568
อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยสำคัญ อาทิ การการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV Car) และความต้องการไฟฟ้าสะอาดจากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันการเติบโตของพลังงานสะอาด บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้เป็น 40% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวม ภายในปี 2578 โดยในปีนี้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่ยั่งยืน
สำหรับประเด็นที่อาจจะมีการระงับการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เป็นการชั่วคราว ปริมาณ 2,180 เมกะวัตต์ โดยประเด็นดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน บริษัทยังยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประมูล หากภาครัฐเปิดโอกาสให้มีการดำเนินโครงการใหม่ๆ ต่อไป
รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว