นางสุกิตตี ไชยรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางงบลงทุน 4 ปี (2568-2571) ไว้ปีละที่ 3,000 ล้านบาท รองรับการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าและการลงทุนต่างๆ ส่วนการลงทุนที่ประเทศอินเดียคาดว่าปีนี้ไม่ต้องลงทุนเพิ่มแล้ว แต่เป็นการขยายแพลตฟอร์มเพื่อต่อยอดกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ให้มีการเติบโต
โดยงบลงทุนใหญ่จะเกิดขึ้นในปี 2572 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของโครงการหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากกากน้ำมัน Energy Recovery Unit (ERU) ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร ซึ่งหากมีการเจรจาที่เหมาะสมคาดว่าจะได้ข้อสรุปและคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2572
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตภายในปี 2572 เป็น 14,076 เมกะวัตต์ จาก 7,058 เมกะวัตต์ ในปี 2567 โดยจะมีสัดส่วนมาจากพลังงานไฟฟ้าสีเขียว (Renewable) เพิ่มเป็น 68% จากเดิม 40%, ก๊าซธรรมชาติจะลดลงเหลือ 24% จากเดิม 49% หลักๆ มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 63% ที่มีการขยายการลงทุนในประเทศอินเดีย รวมถึงไต้หวัน
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ จะมุ้งเน้นการบริหารจัดการพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ 4 เสาหลัก ประกอบด้วย
- Strengthen and Expand the Core มุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจการผลิตและส่งจ่าย สาธารณูปการให้เป็นเลิศ (Best-in-Class Strategy)
- Scale-up Green Energy มุ่งเน้นการขยายธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานหมุนเวียนร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Renewable Hybrid System) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- New S-curve มุ่งเน้นการพัฒนาด้วยการลงทุนด้านนวัตกรรม New S-curves ในหลายรูปแบบ เพื่อเพิ่มรายได้ และรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจพลังงานและธุรกิจไฟฟ้าในอนาคต
- Shift to Customer-centric Solutions มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบการผลิตไฟฟ้าแบบกระจาย ศูนย์ (Distributed Generation) ระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling System) และการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management Services) ภายใต้นวัตกรรมพลังงานเพื่อธุรกิจ (Smart Power Solution Business) โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเสถียรภาพทางด้านพลังงานให้แก่ผู้ใช้บริการไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial) และอุตสาหกรรม (Industrial)
นอกจากนี้ยังมุงเน้นการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน เพื่อสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโต
บริษัทฯ ประเมินอัตราค่าไฟฟ้า (Ft) ในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 36.72 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ภาพทั้งปี 2568 คาดอยู่ที่ 19.72-36.72 สตางค์ต่อหน่วย , ราคาก๊าซธรรมชาติ คาดว่าทั้งปีนี้จะอยู่ในกรอบ 330-340 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับปีก่อน, ราคาถ่านหิน คาดว่าจะอยู่ที่ 120-130 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ส่วนความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรม คาดทรงตัวถึงปรับลดลงเล็กน้อย เป็นไปตามการดำเนินงานของลูกค้า และอัตราแลกเปลี่ยน คาดทรงตัวในกรอบ 35 บาท/ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีก่อน