หุ้นวิชั่น – EA แผนจำหน่ายทรัพย์สินโครงการโรงไฟฟ้า ESP ไม่ต่ำกว่า 8,000.00 ล้าน คาดเจรจาเงื่อนไขเสร็จใน มี.ค.-เม.ย. 2568 หวังลดภาระหนี้ 4.3 พันลบ. พร้อมเสริมสภาพคล่องและลงทุนในโครงการใหม่ โบรกมองกำไรหด 30-44% ปี 69 หลังหมด Adder โซลาร์เม.ย.68 ตาม โบรกเผย โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุด Adder 6.5 บาท/หน่วย ในเดือนเมษายน 2569 ดังนั้น เบื้องต้นภายใต้สมมติฐานการจำหน่ายโครงการดังกล่าวออกไปทั้ง 100% จะส่งผลให้ปี 2569 คาดว่า EA จะมีกำไรปกติลดลงราว 30%-44%
นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่ายทรัพย์สินในโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัท อีเอ โซล่า พิษณุโลก จำกัด (“ESP”) รวมถึงอนุมัติกรอบและหลักการเกี่ยวกับการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าว ในการจำหน่ายทรัพย์สินนี้อาจอยู่ในรูปแบบการจำหน่ายหุ้นสามัญใน ESP ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP หรือการโอนสิทธิหรือผลประโยชน์จากการประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของ ESP ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
โดยมีมูลค่าการเสนอขาย (1) ตามมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) หรือ (2) ตามมูลค่าเสนอขายโครงการ โดยมูลค่าการเสนอขายดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่า 8,000.00 ล้านบาท ให้กับบุคคล และ/หรือ นิติบุคคล รายหนึ่งหรือหลายราย โดยกลุ่มบุคคล และ/หรือนิติบุคคลดังกล่าวต้องมีจำนวนรวมกันไม่เกินสิบราย (รวมเรียกว่า “ผู้ลงทุน”) และไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศรายการเกี่ยวโยงกัน”) เพื่อเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการทางการเงินและชำระหนี้สินของบริษัทฯ (รวมเรียกว่า “ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน”)
ทั้งนี้ ESP เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดพิษณุโลก และมีขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์
ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ลงทุน รวมทั้งการพิจารณากำหนดรูปแบบการเข้าทำรายการ โดยอาจจะเข้าทำรายการในรูปแบบดังต่อไปนี้
1. การจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดหรือบางส่วนใน ESP
บริษัทฯ จะเจรจากับผู้ลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิกับผู้ขาย และ/หรือ บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ ในการซื้อหุ้นสามัญของ ESP บางส่วนหรือทั้งหมดคืนจากผู้ลงทุน ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสมบูรณ์ (Completion Date) ในราคาที่ตกลงกันต่อไป โดยมีมูลค่าไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่จะกำหนดในสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป
2. การโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP
บริษัทฯ จะเจรจากับผู้ลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิกับผู้ขาย และ/หรือ บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ ในการซื้อและรับโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP คืนจากผู้ลงทุน ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสมบูรณ์ (Completion Date) ในราคาที่ตกลงกันต่อไป โดยมีมูลค่าไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่จะกำหนดในสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป
3. การโอนสิทธิหรือผลประโยชน์จากการประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของ ESP
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 25 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีอำนาจในการเจรจาในหลักการ เงื่อนไข และข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ
ในเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่าการเจรจาเงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ รวมถึงการเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องและเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2568 เป็นอย่างช้า
สืบเนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ มีภาระเงินกู้ยืมที่ต้องชำระ โดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 27,498.20 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 31,166.00 ล้านบาท โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีภาระทางการเงินที่ต้องชำระเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นกู้ เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 15,194.06 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,744.06 ล้านบาท และหุ้นกู้ จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,450.00 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ การเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวจะช่วยลดภาระเงินกู้ยืมของบริษัทฯ จำนวน 4,365.18 ล้านบาท ที่ ESP มีภาระที่ต้องชำระต่อสถาบันการเงิน (อ้างอิงจากงบการเงินสอบทานโดยผู้สอบบัญชีของ ESP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567)
นอกจากนี้ เงินที่ได้รับจากการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน (หลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ ต่อไป โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
1. บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากการทำธุรกรรมหลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะนำเงินที่ได้รับไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมของโครงการ ESP จำนวน 4,365.18 ล้านบาท และชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินของบริษัทฯ รวมถึงไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ เพื่อเป็นการลดภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ส่งผลให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
2. บริษัทฯ จะสามารถนำเงินที่จะได้รับไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
3. บริษัทฯ จะสามารถนำเงินที่จะได้รับไปใช้ในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป
บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง EA อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุด Adder 6.5 บาท/หน่วย ในเดือนเมษายน 2569 ดังนั้น เบื้องต้นภายใต้สมมติฐานการจำหน่ายโครงการดังกล่าวออกไปทั้ง 100% จะส่งผลให้ปี 2569 คาดว่า EA จะมีกำไรปกติลดลงราว 30%-44% จากเดิม หรือราว 350-500 ล้านบาท มาอยู่เพียง 649-799 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2570 เป็นต้นไป ภายหลังจาก Adder ของโครงการดังกล่าวหมดลง คาดว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำไรปกติของ EA และประมาณการอย่างมีนัยสำคัญมากนัก
สำหรับคำแนะนำด้านปัจจัยพื้นฐาน ยังคง Underperform จากแนวโน้มกำไรปกติปี 2567 เป็นต้นไป ที่ทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจาก Adder โรงไฟฟ้าที่ทยอยหมดไปจนถึงปี 2572 และยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง รวมถึงแผนการดำเนินธุรกิจที่ไม่ชัดเจน