นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนแผนธุรกิจ 5 ปี (ปี 2568-2572) ทั้งในส่วนธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร โดยบริษัทมุ่งมั่นผลักดันการเติบโตทั้งสองส่วนตามกลยุทธ์ที่วางไว้
สำหรับธุรกิจโรงแรม บริษัทมีเป้าหมายดังนี้:
- การขยายจำนวนโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มจำนวนโรงแรมภายใต้การบริหารงานในกลุ่มอาเซียน อาทิ ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน มัลดีฟส์ รวมถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
- การปรับปรุงโรงแรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
- จับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ
- เปิดสำนักงานในหัวเมืองสำคัญอย่างโฮจิมินห์ เซี่ยงไฮ้ และดูไบ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต
- ขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดไปยังกุ่มธุรกิจสายการบิน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า และบริษัทท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
- มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 โดยภายใต้แผนการดำเนินงานจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20 ภายในปี พ.ศ. 2572 ด้วยการบริหารจัดการพลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยกเลิกการใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียว (single-use plastic) ภายในปี พ.ศ. 2568 พร้อมให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทุกแห่งได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมจาก Global Sustainable Tourism Council – GSTC ภายในปี พ.ศ. 2568
สำหรับธุรกิจอาหาร บริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค ด้วยนวัตกรรมและการส่งมอบอาหารที่อร่อย คุ้มค่า จากการบริการด้วยใจ และพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยมุ่งเน้นการรักษามาตรฐานสินค้าให้อยู่ในระดับสูง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2567
คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของทุกภูมิภาค นอกจากนี้ โรงแรม Centara Grand Mirage Pattaya และ Centara Karon จะกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ (ยกเว้นส่วน Villa 50 ห้องของ Centara Karon) ในเดือนธันวาคม รวมถึงการเปิดโรงแรมใหม่ Centara Mirage Lagoon Maldives ในเดือนพฤศจิกายน
หากพิจารณาเฉพาะพอร์ตโฟลิโอโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไปในประเทศไทยที่บริษัทเป็นเจ้าของ เมื่อเทียบตัวเลขจองห้องพักล่วงหน้า (On the Book) สำหรับไตรมาส 4 ปีนี้กับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไม่รวม Centara Grand Mirage Pattaya ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง) พบว่าปรับตัวดีขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบรายปี (YoY) ขณะที่ตัวเลข On the Book สำหรับโรงแรมที่ดูไบและโอซาก้าปรับตัวดีขึ้นกว่า 10% และเกือบ 40% ตามลำดับ
จากการประมาณการ คาดว่าอัตราการเข้าพักโดยรวมในไตรมาส 4/2567 จะสูงกว่า 70% โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอุปสงค์ (Demand) ค่อนข้างแข็งแกร่งในไตรมาสนี้ โดยจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพมหานคร (อัตราการเข้าพัก > 80%) ภูเก็ต (> 85%) และหัวหิน (80%) ขณะที่โรงแรมในดูไบและโอซาก้าคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักมากกว่า 85% และเกือบ 90% ตามลำดับ
แผนการลงทุนปี 2568
บริษัทได้ประเมินการลงทุนเบื้องต้นไว้ โดยคาดว่าธุรกิจอาหารจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 3,400-7,700 ล้านบาท โดยงบ 3,400 ล้านบาทจะเป็นงบลงทุนปกติ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงและการรีแบรนด์โรงแรมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงค่าก่อสร้างโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่มัลดีฟส์ ซึ่งมีกำหนดชำระถึงต้นปีหน้า และการขยายห้องพักเพิ่มเติมสำหรับโรงแรม Centara Reserve Samui และ Centara Mirage Dubai ส่วนงบประมาณเพิ่มเติมอีก 4,300 ล้านบาท จะเป็นงบลงทุนสำหรับโรงแรมใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาพัฒนา รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision