BGC เผยงบไตรมาส 3 ปี 67 กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลง 33% YoY อยู่ที่ 52 ล้านบาท ความต้องการสินค้ากลุ่มโซดาและน้ำดื่มที่ลดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยสูงที่กระทบต้นทุนการเงิน พร้อมเดินหน้าบริหารต้นทุนใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เสริมความสามารถในการแข่งขัน
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เผย ไตรมาส 3 ปี 2567 กำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จากการดำเนินงานต่อเนื่องจำนวน 52 ล้านบาท ลดลง 25 ล้านบาท หรือ 32% YoY ในไตรมาส 3 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว และการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การบริโภคยังถูกฉุดรั้งจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง และดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ยังคงสูง ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ
ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วได้รับผลบวกจากราคาโซดาแอชและเศษแก้ว เช่นเดียวกับต้นทุนวัตถุดิบหลักของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เช่น เม็ดพลาสติก ฟิล์ม และกระดาษคราฟท์ รวมถึงค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินในการประกอบกิจการ
ในไตรมาส 3 ปี 2567 รายได้จากการขายลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน โดยหลักจากความต้องการของกลุ่มสินค้าโซดาและน้ำดื่มลดลง สถานการณ์ราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบ เช่น โซดาแอช เม็ดพลาสติก ฟิล์ม กระดาษ ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุน โดยมุ่งเน้นการทำ cost optimization ด้วยการปรับสูตรการผลิต ปรับใช้พลังงานทางเลือกที่เหมาะสม บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้น 52 ล้านบาท ลดลง 25 ล้านบาท หรือ 33% YoY