BBGI ส่งสัญญาณ โค้งสุดท้ายของปีธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ เป็นซีซั่นการขายหนุนแนวโน้ม Q4/67 ปริมาณขายโตต่อเนื่อง ประกอบกับ การซื้อหุ้น BBGI-BI เข้ามาอีก 30% ทำให้ปัจจุบันถือครบ 100% จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มร้อยในเดือนธันวาคมเป็นต้นไป รองรับดีมานด์ไบโอดีเซลให้กลุ่มบริษัทบางจากเต็มกำลัง ด้านธุรกิจใหม่ โครงการ SAF และ CDMO งานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 70% มองปี 68 ผลงานจัดเต็มต่อเนื่อง
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (HVP) เปิดเผย ล่าสุด BBGI ปิดดีลการเข้าซื้อหุ้น บริษัท บีบีจีไอ ไบโอดีเซล จำกัด หรือ BBGI-BI ได้สำเร็จ สนับสนุนสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 100% จากเดิมถือหุ้น 70% และจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรใน BBGI–BI เข้ามาเต็มจำนวนตั้งแต่เดือนธันวาคม เป็นต้นไป สนับสนุนผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง กำลังการผลิตตามสัดส่วนจะพุ่งทะยานแตะ 1,000,000 ลิตรต่อวัน จากเดิม 700,000 ลิตรต่อวันรองรับความต้องการกลุ่มบริษัทบางจาก
สำหรับความคืบหน้าธุรกิจใหม่ เตรียมสร้าง New S-Curve ในปีหน้า โครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เป็นตามแผน ณ สิ้นเดือนตุลาคมความคืบหน้างานก่อสร้างไปแล้ว 70% คาดพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ COD ในช่วงไตรมาส 2/2568 รวมทั้ง การบริหารตลอดห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจ พร้อมรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจาก
ภาคธุรกิจและประชาชนผ่านปั๊มบางจากมากกว่า 233 แห่ง ตามโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และขยายเครือข่ายพันธมิตรเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม ทำให้มีความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบ มุ่งสู่เป้าหมายช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบิน โดยเห็นสัญญาณที่ดีจากหลากหลายประเทศส่งเสริมการใช้น้ำมัน SAF มากขึ้น โดยในปี 2568 จะมีในกลุ่มประเทศยุโรป อังกฤษ และอินเดียจะเริ่มมีการกำหนดสัดส่วนการผสมของ SAF ขณะที่ ความคืบหน้าธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (CDMO) ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนก่อสร้างไปแล้ว 70% คาดในเฟสแรกจะเริ่ม COD ภายในปีหน้า เป็นฐานด้านไบโอเทคโนโลยีแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ตลาดโลก
“เราประเมินภาพรวมปี 2568 ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพจะยังคงเติบโตจากยอดขายและปริมาณการขายที่อยู่ในระดับสูง ด้วยกลยุทธ์การใช้กำลังการผลิตเต็มกำลัง ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพจึงมั่นใจธุรกิจหลักจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อหุ้น BBGI-BI เข้ามาเสริมทัพ ตอกย้ำผู้นำในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ธุรกิจใหม่โครงการ SAF บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 20% และโครงการ CDMO ถือหุ้นสัดส่วน 75% คาดว่าการก่อสร้างของโรงงานจะแล้วเสร็จในปีหน้า หนุนการเติบโตของธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพในมิติใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อการลดปริมาณคาร์บอนที่ส่งผลต่อภาวะ
เรือนกระจกได้เช่นเดียวกับธุรกิจไบโอดีเซลและเอทานอลได้อย่างมีนัยสำคัญ” นายกิตติพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
[PR News]