หุ้นวิชั่น – บล.เคจีไอ ส่องหุ้น AOT คาดว่ากำไรสุทธิของ AOT ใน 1Q68F จะออกมาน่าประทับใจที่ 6.16 พันล้านบาท (+35.0% YoY, +44.2% QoQ) คิดเป็น 26.4%ของประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิจัยที่ 2.33 หมื่นล้านบาท (+21.8% YoY) โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินและไม่ เกี่ยวกับการบินใน 1Q68F จะอยู่ที่ 48:52นอกจากการท่องเที่ยวจะแข็งแกร่งตามฤดูกาลอย่างต่อเนื่องใน 2Q68F (มกราคม-มีนาคม 2568) แล้ว ฝ่ายวิจัยยังมองแนวโน้มระยะยาวของ AOT เป็นบวก ทั้งนี้จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1H68F และในระยะยาว ฝ่ายวิจัยจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY68 ที่ 71.50 บาท
AOT มีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต!
นอกจากการท่องเที่ยวจะแข็งแกร่งตามฤดูกาลอย่างต่อเนื่องใน 2Q68F (มกราคม-มีนาคม 2568) แล้ว ยังมองแนวโน้มระยะยาวของ AOT เป็นบวก โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ i) จำนวนผู้โดยสารที่น่าจะเพิ่มกลับไปถึงระดับก่อน COVID ระบาด และเพิ่มขึ้นสูงกว่านั้น (จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT จะเพิ่มขึ้นเป็น 79.2 ล้านคนในปี FY68F หรือเท่ากับ 94% ของระดับก่อน COVID ระบาด และจะเพิ่มขึ้นเป็น 87.2 ล้านคนในปี FY69F สูงกว่าระดับก่อน COVID ระบาด 3.7%) ii) ความสามารถในการรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น (จาก 68 เที่ยว/ชั่วโมง เป็น 94 เที่ยว/ชั่วโมงหลังจากเปิด runway ใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 iii) การขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งทิศใต้ (South Terminal) เพื่อรองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคน/ปี (ยังไม่มีข้อสรุป) และ iv) การพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส III เพื่อรองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคน/ปี ภายในปี 2573 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากแผนพัฒนาสนามบินของ AOT
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าน่าจะมีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) ทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกในอนาคต (ปัจจุบันเก็บจากผู้โดยสารในประเทศ 100 บาท และจากผู้โดยสารระหว่างประเทศ 700 บาท) ซึ่งหากใช้สมมติฐานว่ามีการปรับขึ้น PSC ของผู้โดยสารในประเทศจากอัตราในปัจจุบันอีก 10 บาท และระหว่างประเทศอีก 100 บาท จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside 1% และ 17% (ต่อปี)ตามลำดับ จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1H68F และในระยะยาว ยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY68 ที่ 71.50 บาท (ใช้ WACC 9% และ TG 3%)