9 เดือนปี 67 SIRI กวาดรายได้ 28,877 ลบ. โต 4.7% เพิ่มขึ้นของรายได้ขายอสังหาฯ หนุน

          หุ้นวิชั่น – บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวดสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้ แสนสิริมีรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 9,415 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการบันทึกกำไรจากการขายที่ดิน จำนวน 70 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) ไตรมาส 3 ปี 2567 มีจำนวน 1,307 ล้านบาท ลดลง 16.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายและต้นทุนบางส่วนถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดลง สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 แสนสิริมีรายได้รวม 28,877 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.7% หรือ 1,299 ล้านบาทเมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ สำหรับกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) งวด 9 เดือนของปี 2567 จำนวน 4,009 ล้านบาท ลดลง 15.8% หรือ 751 ล้านบาทจากปีก่อน เป็นผลมาจากการบันทึกกำไรจากการขายที่ดินและทรัพย์สินที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

          รายได้จากการขายโครงการในไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 8,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% หรือ 36 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวและมิกซ์ โปรดักส์

          ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายโครงการแนวราบ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์ โปรดักส์ รวมจำนวน 5,527 ล้านบาท คิดเป็น 67% ของรายได้จากการขายโครงการทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 3,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% หรือ 105 ล้านบาทจากปีก่อน รายได้หลักมาจากโครงการบูก้าน กรุงเทพกรีฑา โครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา โครงการเศรษฐสิริ บางนา-สุวรรณภูมิ และโครงการเศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ โดยรายได้จากทั้ง 5 โครงการดังกล่าวคิดเป็น 18% ของรายได้จากการขายโครงการทั้งหมด

          รายได้จากการขายโครงการทาวน์โฮม ลดลง 11.2% หรือ 109 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 861 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากโครงการเดมี่ สาธุ 49

          สำหรับรายได้จากการขายโครงการมิกซ์ โปรดักส์ เติบโต 25.6% หรือ 190 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 929 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการอณาสิริ พายัพ โครงการอณาสิริ สรงประภา โครงการอณาสิริ ป่าคลอก และโครงการอณาสิริ รังสิต-คลอง 3

          รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียม ลดลง 5.2% หรือ 150 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 2,759 ล้านบาท รายได้หลักมาจากโครงการเดอะ เบส ไฮท์-เชียงใหม่ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท โครงการเวย์ โพธิสาร โครงการดี คอนโด รีฟ ภูเก็ต และโครงการเอดจ์ พัทยากลาง โดยรายได้รวมจาก 5 โครงการดังกล่าว คิดเป็น 21% ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด

          นอกจากนี้ แสนสิริยังมีรายได้จากโครงการเพื่อเช่าในไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 29 ล้านบาท ลดลง 34.4% หรือ 15 ล้านบาทจากปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากโครงการเพื่อเช่างวด 9 เดือนอยู่ที่ 108 ล้านบาท ลดลง 20.3% หรือ 28 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

รายได้จากธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์

          รายได้ค่าบริการธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 634 ล้านบาท ลดลง 5.2% หรือ 35 ล้านบาทจากปีก่อน ส่งผลให้ค่าบริการธุรกิจงวด 9 เดือน ปี 2567 ลดลง 11.4% หรือ 216 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 1,682 ล้านบาท สำหรับรายได้จากกิจการโรงแรมที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของไตรมาสนี้ลดลง 55.7% หรือ 125 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 99 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการปิดปรับปรุงโรงแรม SIXTY SoHo ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนมกราคม-กันยายน 2567 และโรงแรมเดอะ เภรี หัวหิน ในเดือนเมษายน-สิงหาคม 2567 ส่งผลให้รายได้จากกิจการโรงแรมงวด 9 เดือน ปี 2567 ลดลงเช่นกัน โดยลดลง 52.2% หรือ 317 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 291 ล้านบาท

          ในขณะที่รายได้จากการขายวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 43.7% หรือ 5 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 18 ล้านบาท เช่นเดียวกับงวด 9 เดือนของปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 72.4% หรือ 26 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 62 ล้านบาท

 

กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ)

          สำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 แสนสิริและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) จำนวน 1,307 ล้านบาท ลดลง 16.1% หรือ 250 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิไตรมาสนี้อยู่ที่ 13.9% ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 16.6% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายและต้นทุนบางส่วน ถูกชดเชยด้วยส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 150.7% หรือ 242 ล้านบาท จากปีก่อน เป็น 402 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดลง

          ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการบันทึกขาดทุนสำหรับงวดจากการดำเนินงานที่ยกเลิก จำนวน 71 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการจำหน่ายส่วนได้เสียในความเป็นเจ้าของทั้งหมดที่ถืออยู่ในกลุ่มบริษัท Standard International Management, LLC. ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ดังนั้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ จึงได้จัดประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว ได้แก่ ส่วนงานบริหารโรงแรมที่เกิดจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เป็นการดำเนินงานที่ยกเลิก สำหรับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 18.2% ของกำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล

          สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 แสนสิริและบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) จำนวน 4,009 ล้านบาท ลดลง 15.8% หรือ 751 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2566 มีอัตรากำไรสุทธิ 13.9% เทียบกับ 17.3% ในปีก่อน ปัจจัยหลักเนื่องจากในงวด 9 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ มีการบันทึกกำไรจากการขายที่ดินและทรัพย์สินรวม 1,134 ล้านบาท ในขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2567 มีการบันทึกกำไรดังกล่าวจำนวน 438 ล้านบาท

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

OKJ ขยายสาขา-แบรนด์ โตแกร่ง  แนะ

OKJ ขยายสาขา-แบรนด์ โตแกร่ง แนะ "ซื้อ" เป้า 17 บาท

โบรกคัดหุ้นเด่น Commerce Sector รับอานิสงส์มาตรการภาครัฐฯ

โบรกคัดหุ้นเด่น Commerce Sector รับอานิสงส์มาตรการภาครัฐฯ

KTB จับตาสำรองฯลดลง โบรกชี้ Q4 กำไรพุ่ง65%

KTB จับตาสำรองฯลดลง โบรกชี้ Q4 กำไรพุ่ง65%

CPALL โบรกปล่อยประเด็นลบ CPAXT คาด Q4 ผลประกอบพีคตาม high season

CPALL โบรกปล่อยประเด็นลบ CPAXT คาด Q4 ผลประกอบพีคตาม high season

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด