หุ้นวิชั่น – บล.หยวนต้า มอง Downside Risk ของ SET Index เริ่มจำกัด การปรับตัวลดลงของ SET Index -1.4% WoW เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดมาจากการปรับตัวขึ้นของ US Bond Yield, Dollar Index และความผิดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนไปมากแล้ว ขณะที่สัปดาห์นี้มีปัจจัยหนุนคือการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าพลังงาน ประกอบกับการประชุม FOMC ที่เปิดโอกาสในการเข้าเก็งกำไรการรีบาวด์ของหุ้นในกลุ่ม Yield Play เช่น โรงไฟฟ้า, การเงิน, REIT, สื่อสาร และอสังหาฯ ประเมิน SET Index สัปดาห์นี้มีโอกาสฟื้นตัวโดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1,420-1,450 จุด
ลุ้น FOMC ส่งท้ายปีด้วย ‘Santa Rally’
ตลาดหุ้นจีนลงแรงแต่เรามองเป็นโอกาสเข้าสะสม แม้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบแคบ แต่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงคือ CSI 300 (-2.4%) และ HSI (-2.1%) ปรับตัวลดลง Underperform สินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ หลังการรายงานผลการประชุมทางด้านเศรษฐกิจ (CEWC) สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน เนื่องจากยังไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาและขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคการคลัง อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมารองรัฐมนตรีกระทรวงการเคหะจีนได้ยืนยันเจตจำนงในการกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาฯ พร้อมจำกัดอุปทานใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในปี 2568 เป็นต้นไป เราประเมินทางการจีนมีแนวโน้มที่จะเผยรายละเอียดเชิงลึกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 1Q68 โดยเฉพาะหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ท่านใหม่เข้าดำรงตำแหน่ง จึงมองเป็นจังหวะในการเข้าสะสมกองทุนหุ้นจีน เช่น KTAshares-A และ SCBCE รวมถึง DR ที่เชื่อมโยงกับตลาดหุ้นจีน เช่น CN01 และ BABA80 เป็นต้น
ราคาน้ำมันดิบเด้งคาดช่วยหนุน Sentiment ของ SET Index ในช่วงต้นสัปดาห์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบ BRENT และ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5% และ +6% ตามลำดับ จากความกังวลว่าการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียและอิหร่านอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในยุโรปและสหรัฐฯ จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของแนวโน้มอุปสงค์ คาดปัจจัยดังกล่าวจะทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นมีโอกาส Outperform ตลาดในช่วงต้นสัปดาห์
FOMC รอบนี้มองเป็นจังหวะเก็งกำไรก่อนส่งท้ายปี 2567
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เรายังคงแนะนำสะสมหุ้นกลุ่ม Yield Play เช่น โรงไฟฟ้า, การเงิน, REIT, สื่อสาร และอสังหาฯ เพื่อเก็งกำไรการประชุม FOMC ในวันที่ 18 ธ.ค. คาดการปรับตัวขึ้นของ US Bond Yield และ US Dollar ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนความกังวลของตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายของ Fed ที่อาจตึงตัวมากกว่าคาดไปมากแล้ว ทำให้ Risk-Reward Ratio มีความน่าสนใจในการเก็งกำไร FOMC สะสม SCB ราคาปิด 118.50 บาท แนวต้านทางเทคนิค 122.00 บาท
หุ้นกลุ่มธนาคารเคลื่อนไหว 16 ธันวาคม 2567 122.00 บาท Outperform ตลาด เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากเม็ดเงินกองทุนประหยัดภาษีในช่วงเดือน ธ.ค. รวมทั้งมาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” คาดว่าจะส่งผลให้ NPL ของกลุ่มทรงตัวหรือลดลงในปี 2568 จุดเด่นของ SCB คือผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง เราคาดเงินปันผล 2H67 หุ้นละ 7.20 บาท ให้ Dividend Yield สูงถึง 6.1%
เก็งกำไร BANPU ราคาปิด 5.90 บาท แนวต้านทางเทคนิค 6.20 บาท
ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คาดมีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET50 ที่คาดว่าตลท. จะประกาศผลในสัปดาห์นี้ เพื่อคำนวณดัชนีรอบ 1H68 การอ่อนค่าของเงินบาท/USD ใน 4Q67 จาก 32.36 บาท เป็น 34.04 บาท จะส่งผลให้บริษัทกลับมีกำไรจาก FX คาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ลบ. ใน 4Q67 ขณะที่ปัจจัยหนุนคือการไต่ระดับขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จากการเข้าสู่ High Season และเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการสนับสนุนพลังงานฟอสซิลของทรัมป์ รวมทั้งการปลดล็อกข้อจำกัดส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ในปี 2568 จะส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น
เก็งกำไร SAWAD ราคาปิด 40.75 บาท แนวต้านทางเทคนิค 42.00 บาท
ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คาดมีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET50 ที่คาดว่าตลท. จะประกาศผลในสัปดาห์นี้ เพื่อคำนวณดัชนีรอบ 1H68 เราคาดว่าหากการพิจารณาบอร์ดไตรภาคีจากตัวแทน 3 ฝ่าย ได้แก่ รัฐบาล, นายจ้างและลูกจ้าง ในวันที่ 23 ธ.ค. เห็นร่วมกันในการขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาท ในปี 2568 จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนระดับกลาง-ล่างเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อความต้องการใช้สินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้ให้สูงขึ้น เก็งกำไรทางเทคนิค BCPG ราคาปิด 5.65 บาท แนวต้านทางเทคนิค 6.00 บาท
ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 6.00 บาท แนวรับ 5.60 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 5.50 บาท ราคายืนไม่หลุดแนวรับเดิมที่ 5.55 บาท และกำลังกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้น SMA-20 วันอีกครั้ง ทำให้ประเมินว่าระยะสั้นมีโอกาสเข้าสู่รอบ Technical Rebound โดยมีเป้าหมายที่ 5.85 และ 6.00 บาทตามลำดับ