หุ้นวิชั่น – บล.เคจีไอ ส่องหุ้นกลุ่มมีเดีย โดยฝ่ายวิจัยมองว่าได้สังเกตว่ากลุ่มสื่อโฆษณาของประเทศไทยเผชิญเส้นทางต่าง ๆ ที่แตกต่างกันในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่การโฆษณาดิจิทัลช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ การโฆษณาในโรงภาพยนตร์และการโฆษณาผ่านสื่อนอกบ้าน (OOH) เป็นสื่อแบบดั้งเดิมเพียงสองสื่อที่สามารถเติบโตได้ และฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสองสื่อนี้จะโตต่อเนื่องในปี 2568 ส่วนสื่อโฆษณารูปแบบดั้งเดิมอื่นๆ คาดว่าจะลดลงต่ออีก
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มนี้ “ เท่ากับตลาด ฯ” (Neutral) โดยเลือก MAJOR เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่ม เพราะฝ่ายวิจัยคาดว่าจะเห็นกําไรเติบโตโดดเด่นในปีหน้าด้วยสัดส่วน รายได้จากโรงภาพยนตร์มากขึ้น โดยแนะนําซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 17.80 บาท
มองแนวโน้มไตรมาส4/2567
มองแนวโน้มกําไรใน Q4/67 ฝ่ายวิจัยคาดว่ากําไรรวมใน Q4/67 ของกลุ่มสื่อโฆษณาที่เราศึกษาอยู่จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็น ช่วงการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในปีของธุรกิจสื่อ ซึ่งจะดันให้margin ดีขึ้น จากนั้น กําไรใน Q1/68อาจชะลอตัว QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low season ของธุรกิจนี้แต่เรายังคาดว่าจะเห็นการเติบโต YoY จากเม็ดเงินโฆษณามากขึ้นและภาพยนตร์โด่งดังหลาย ๆ เรื่องรอเข้าฉายอยู่
ฝ่ายวิจัยคาดกําไรสุทธิใน Q4/67 ของ MAJOR ฟื้นตัวโดดเด่น QoQ เป็นเพราะผลการดําเนินงานแข็งแกร่งจาก หนังไทย น่าจะช่วยหนุนรายได้จากโรงภาพยนตร์และอัตรากําไรขั้นต้นดีขึ้น ในขณะเดียวกัน กําไรน่าจะทรงตัว YoY จากฐานสูงเป็นเพราะมีหนังไทยหลาย ๆเรื่องประสบความสําเร็จอย่างมากใน Q4/66
ขณะที่กําไรสุทธิใน Q4/67 ของ PLANB คาดว่าจะเป็นจุดสูงสุดของปีโดยที่ คาดกําไรเติบโตปานกลาง QoQ และ YoY ในเบื้องต้นเป็นเพราะ margin ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คาดกําไรใน Q1/68 ลดลง QoQ จาก ปัจจัยฤดูกาล แต่ดีขึ้น YoY เพราะการเพิ่มขึ้นของพื้นที่สื่อโฆษณาน่าจะช่วยหนุนรายได้และ margin ของสื่อ OOH ให้สูงขึ้น
พร้อมฉายภาพแนวโน้มกําไร ปี 2568
ฝ่ายวิจัยคาดว่ากําไรปี2568 ของ MAJOR จะเติบโต 26% YoY จากหนังเด็ดโด่งดังของค่าย Hollywoodหลากหลายเรื่องรอจะเข้าฉาย และโมเมนตัมบวกของหนังไทยมาแรงต่อเนื่อง น่าจะดันรายได้โรงภาพยนตร์สูงขึ้น (ยอดขายตั๋วและยอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว) เรายึดแนวอนุรักษ์นิยม โดยประเมินจํานวนผู้เข้าชมอยู่ราว 37.6 ล้านคน (เทียบกับเป้าหมายของบริษัทที่ 40 ล้านคน) และคาดว่าบริษัทจะสามารถปรับเพิ่มราคาตั๋วเฉลี่ยขึ้นในปี2568 ได้ประเด็นนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อรายได้จากการโฆษณาของบริษัท (คิดเป็น 13% ของรายได้) และอัตรากําไรขั้นต้นด้วย
และฝ่ายวิจัยมองว่า PLANB จะได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้เล่นหลักในสื่อ OOH ในปี2568 แต่ทว่า คาด utilization rate จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (76.5% ในปี2568F เทียบกับ 75.2% ในปี2567F) เพราะปัจจุบันอยู่สูงที่ >70-75% อย่างไรก็ดีPLANB อาจยังได้รับประโยชน์จากการปรับราคาสื่อขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้GPM ดี ขึ้นด้วย นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าแทนที่ static billboard บางส่วนด้วยป้ายสื่อดิจิทัลในทําเลที่เป็นกลยุทธ์ หลัก ๆ ถึงแม้ว่ารายได้จากการจัดกิจกรรมแข่งขันฟุตบอลและมวย การตลาดแบบมีส่วนร่วม (16% ของรายได้รวมปี2568F) น่าจะลดลง22% YoY เนื่องจากการไม่มีรายได้จากการบริหารสิทธิ์งานโอลิมปิกแล้ว