หุ้นวิชั่น – การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังไร้ทิศทาง ขาดปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น ส่วนใหญ่เฝ้ารอดูสถานการณ์มากกว่าเข้าไปซื้อขาย แม้ว่าราคาหุ้นในกระดานจะลงมามากแล้วก็ตาม เพราะนักลงทุนยังมีความกังวล ทั้งปัจจัยการเมือง ที่วันนี้ มาลุ้นผลการลงคะแนนโหวต การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รอบนี้ต่อตัว นายกรัฐมนตรี ที่คาดว่า น่าจะผ่านไปได้ แต่คงต้องดูแรงกระเพื่อม ต่อเสถียรภาพรัฐบาลต่อไปว่า จะมีมากน้อยแค่ไหน
การเมือง คือ เรื่องผลประโยชน์ ขึ้นอยู่กับว่า ผลประโยชน์นั้น จะอยู่ข้างประชาชนคนเดินดิน หรืออยู่กับกลุ่มผู้มีอำนาจ คงต้องจับตากันต่อไป
PTT ตัวจริงเสียงจริงของหุ้นใหญ่ ที่เริ่มเดินหน้าซื้อหุ้นคืน ไม้แรกซื้อไปแล้ว 18.3 ล้านหุ้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 585 ล้านบาท จากวงเงินที่มีอำนาจซื้อไม่เกิน 1.6 หมื่นล้านบาท หรือ 470 ล้านหุ้น ยังเหลือทุนซื้อหุ้นคืนเต็มหน้าตัก จับตากันยาวๆ ลุยกันต่ออีกไกล
ทั้งนี้ การซื้อหุ้นคืนเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2568 มีราคาที่ซื้อต่อหุ้นสูงสุดที่ 32.25 บาท และราคาต่ำสุดที่ 31.50 บาท
ล่าสุดวานนี้(25 มี.ค. 68) ราคาหุ้น PTT ยังแข็งแกร่งบวกสวนตลาด โดยมาปิดที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1.77 พันล้านบาท ด้วยพลังของการซื้อหุ้นคืน
ต้องขอขอบคุณ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีมติปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซินและดีเซลลดลง 1 บาทต่อลิตร โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ครั้งแรกในวันที่ 28 มี.ค.2025 และอีกครั้งในวันที่ 4 เม.ย.2025 เพื่อบรรเทาค่าครองชีพรองรับการกลับภูมิลำเนา การท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์
บล.ดาโอ มีมุมมองว่า การปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลน่าจะส่งผลบวกต่ออุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันในระยะสั้น สำหรับภาพรวมระยะกลางถึงยาว เชื่อว่าจะมีผลกระทบที่จำกัดเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ดี เชื่อว่ากลุ่มค้าปลีกน้ำมันน่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มค่าการตลาด (marketing margin) ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากแตะระดับต่ำในเดือน ม.ค.2568
มองหุ้น OR เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาที่ผ่านมาถึง 38% ในรอบ 6 เดือน ได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงไปมากแล้ว ราคาปัจจุบันจะสะท้อน 2025E PER ที่ไม่แพงที่ 14.7x (ประมาณ -3.3SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER 5 ปีย้อนหลังของกลุ่มค้าปลีก) อีกทั้งคาดว่า ระดับราคาน้ำมันที่ต่ำในปัจจุบันน่าจะช่วยลดความกดดันจาก regulatory risk ที่เป็นไปได้อีกด้วย เคาะราคาพื้นฐาน 12.50 บาท
ล่าสุด OR ปิดที่ 10.50 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือคิดเป็น1.87 % มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 139 ล้านบาท
ขณะที่ PTG (ถือ/เป้า 8.50 บาท) คงมุมมองเชิงระมัดระวังจากความไม่แน่นอนจากการแทรกแซงจากภาครัฐแม้ผ่อนคลายลง แต่การปรับ marketing margin อาจต้องรอดูใน 2H25E ว่าจะทำให้ภาพรวมทั้งปีกลับมาฟื้นตัวได้หรือไม่
ส่วน BCP (ถือ/เป้า 34.00 บาท) เชื่อว่าบริษัทน่าจะเห็นกำไรที่อ่อนตัวในไตรมาส 1 ปี 2568 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่อ่อนตัว อีกทั้ง ประเด็นการเพิ่มทุนของบริษัทอาจจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น
วกมาที่ BGRIM ยังคงเดินหน้าพลังงานสีเขียวข้ามชาติเต็มสูบ ล่าสุดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 14 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว ตั้งอยู่ในเขตนิชิชิราคาวะ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น
BGRIM มุ่งขยายพอร์ตการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา ประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยุโรป และตะวันออกกลาง พร้อมหาโอกาสการลงทุนในประเทศที่มีการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของ BGRIM
ถ้าพิจารณาราคาหุ้น BGRIM ถือว่าบาดใจนักลงทุนเหลือเกิน เพราะสวนทางกับการขยายงานและความตั้งใจของผู้บริหาร ล่าสุดหุ้นมีพี/อี 18 กว่าเท่า และเชื่อว่า ผู้บริหารมิได้นิ่งนอนใจกับราคาหุ้นที่ดิ่งลงในรอบนี้ การซื้อหุ้นคืน เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริหารกำลังพิจารณาตัดสินใจ ชั่งน้ำหนักด้วยเหตุผล ว่าคุ้มกันหรือไม่ กับการใช้เงินไปซื้อหุ้นคืน หรือว่านำเม็ดเงินดังกล่าวไปลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพ
ราคาหุ้น BGRIM ล่าสุดปิดที่ 10.80 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ คิดเป็น 0.92% มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 120.62 ล้านบาท
ส่องหุ้นคาราบาวแดง หรือ CBG นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป คาดรายได้จากสุราข้าวหอมในไตรมาส 1 ปี2568สดใส ส่วนเบียร์ตะวันแดงยังมีแนวโน้มขยายตัว ด้านยอดขายรวม อาจอ่อนตัวจากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่ในประเทศ Traditional Trade แตะ 28.1% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงหนุน 1Q68 GPM คาดเพิ่มขึ้น 200 bps QoQ และ YoY คาดยอดขายปี 68 ที่ 24,954 ลบ. +18.1% และกำไรสุทธิ 3,421 ลบ. +20.3% โดยมีแรงหนุนจากต้นทุนที่ลดลงและมาตรการลด ค่าใช้จ่าย เคาะราคาพื้นฐานปีนี้ 79.50 บาท
การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
ข่าวหัวม่วง By ทีมงานหุ้นวิชั่น