สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนธันวาคม และปี 2567

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP ของโลกในปี 2568 ลงเล็กน้อย จากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการแยกตัวทางเศรษฐกิจ (Decoupling) อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความผันผวนและการเติบโตช้าลง สอดคล้องกับมุมมองธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ประชุมเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2567 แม้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% แต่ส่งสัญญาณว่าในปี 2568 การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอาจจะไม่ง่ายนัก ทำให้ตลาดหุ้นกลับตอบสนองในเชิงลบในระยะสั้น

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า SET Index ในปี 2567 ปิดในระดับที่แทบไม่แตกต่างจากปีก่อนหน้า โดยตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567  และปี 2568 ยังสามารถขยายตัวได้ดี นำโดยภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่อาจเผชิญความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility” โดยแบ่งนโยบายออกเป็น 2 กลุ่มหลัก รวม 11 นโยบาย ซึ่งน่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นในหลาย Sector ที่เกี่ยวข้อง

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนธันวาคม 2567

  • ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 SET Index ปิดที่ 1,21 จุด ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 7.6% ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 SET Index ปรับลดลงเพียง 1.1%
  • เดือนธันวาคม 2567 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน
  • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 40,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนธันวาคม 2566ขณะที่ในปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,551 ล้านบาท ลดลง 12.7% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด สามเดือนต่อเนื่อง
  • เดือนธันวาคม 2567 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. โรงพยาบาลนครธน (NKT) และ ใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. อินสไปร์ ไอวีเอฟ (IVF)
  • Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.8 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 18.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 45% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.17%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนธันวาคม 2567

  • มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 538,570 สัญญา เพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ทำให้ในปี 2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 483,772 สัญญา ลดลง 9.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Gossip] บิ๊ก JR เก็บหุ้น! ฟื้นเชื่อมั่น ตอกย้ำผลงานปี 68 สดใส

[Gossip] บิ๊ก JR เก็บหุ้น! ฟื้นเชื่อมั่น ตอกย้ำผลงานปี 68 สดใส

KTB คาดปี 67 กำไรโตแกร่ง คุมคุณภาพสินเชื่อดี ชี้เป้า 24 บ.

KTB คาดปี 67 กำไรโตแกร่ง คุมคุณภาพสินเชื่อดี ชี้เป้า 24 บ.

BBL แกร่ง Valuation ไม่แพง โบรกแนะ ”ซื้อ” เป้า 170 บาท

BBL แกร่ง Valuation ไม่แพง โบรกแนะ ”ซื้อ” เป้า 170 บาท

RS ร่วงต่อ แม้ชี้แจงกรณีกระแส Forced sell ยันไม่กระทบสถานะการเงินก็ตาม

RS ร่วงต่อ แม้ชี้แจงกรณีกระแส Forced sell ยันไม่กระทบสถานะการเงินก็ตาม

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด