ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

ทั่วโลกเดือด! จีนสวนกลับภาษี 34% นักลงทุนผวา ตลาดหุ้นจ่อดิ่ง

             หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด คาดเตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง เริ่มเข้าสู่ตลาดหมี (-20% จากจุดสูงสุดล่าสุด) โดยล่าสุด นานาประเทศเริ่มออกมาตรการตอบโต้ เช่น จีนประกาศจะเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 34% มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ขณะที่นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ออสเตรเลีย และอิตาลี ก็หารือกันถึงวิธีตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนถดถอยลงอีก โดย JP Morgan ปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายในสิ้นปี เป็น 60% จากเดิม 40%
อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น รวมถึงดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่ปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ มีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาดในเดือน มี.ค. โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมวดการขนส่ง การก่อสร้าง และคลังสินค้า เป็นไปตามที่ทรัมป์ต้องการ ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% สูงกว่าคาด ส่งผลต่อแนวนโยบายการเงินที่ในอนาคตจะมีความตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดทำได้ยากขึ้น จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

  • สัปดาห์นี้ติดตาม

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มี.ค.
การบังคับใช้ภาษีของทรัมป์
การตอบโต้มาตรการภาษีของแต่ละประเทศ

(0) ตลท. ออกมาตรการดูแลตลาด
(0) ติดตามการประชุม ครม.

ประเมินว่า SET Index มีแนวโน้มปรับตัวลง ลุ้นทดสอบแนวรับ 1,100 / 1,050 จุด ตามลำดับ แนะนำชะลอการลงทุน หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาตรการเพื่อรองรับความผันผวนจากการบังคับใช้ภาษีของทรัมป์ใน SET & TFEX ช่วงวันที่ 8–11 เมษายน โดยมีรายละเอียดดังนี้:

SET ปรับ Ceiling/Floor ลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น หุ้นสามัญ (Common Stock) จาก 30% เหลือ 15%
ปรับกรอบราคา Dynamic Price Band ลดลงครึ่งหนึ่ง จาก 10% เหลือ 5%
ไม่อนุญาตให้ Short Sell ยกเว้นกรณี Registered Market Maker (MM) ที่สามารถ Short Sell ได้ตามปกติ
TFEX ปรับ Ceiling/Floor ลดลงครึ่งหนึ่ง สำหรับผลิตภัณฑ์อ้างอิงหุ้น (Equity-based product) จาก 30% เหลือ 15%

ด้านความคืบหน้าในการเจรจานโยบายการค้ากับสหรัฐฯ นำโดยคุณศุภวุฒิ สายเชื้อ ระบุว่าไทยยังไม่เร่งรีบเจรจาแบบเวียดนาม เนื่องจากยังไม่สามารถทราบความต้องการที่แท้จริงของแนวทางการขึ้นภาษีของทรัมป์

แนวทางเบื้องต้น: มีแผนจะนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด เพื่อนำมาแปรรูป เพิ่มนำเข้าสินค้ากลุ่มพลังงาน สนับสนุนการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ

เชิงกลยุทธ์ เราประเมินว่า การขึ้นภาษีในรอบนี้จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม:ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าหลักของไทย คิดเป็นราว 18% ของ GDP ขณะที่การส่งออกโดยรวมของไทยมีสัดส่วนประมาณ 60% ของ GDP

กลยุทธ์การลงทุน เน้น Domestic Play และ Defensive Stock ที่สามารถทยอยสะสมหรือถัวเฉลี่ยลงทุนได้ เช่น:

กลุ่มค้าปลีก: CPALL, CPAXT
กลุ่มสื่อสาร: TRUE, ADVANC
กลุ่มโรงพยาบาล: PR9, BDMS, BH

ติดตาม:
การประชุม ครม. ที่จะเร่งผลักดันโครงการ Entertainment Complex ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป

  • Stock Pick: TIDLOR แนวโน้มผลประกอบการ 1Q25F คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 16.60 บาท

แนวโน้ม 1Q25F คาดว่าจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
ผู้บริหารยังไม่ได้ให้เป้าหมายทางการเงินในปีนี้อย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะรอการปรับโครงสร้างธุรกิจ และประเมินผลของมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” คาดว่าผู้บริหารยังคงคุมเข้มการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตของสินเชื่อน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน (คาดกรอบ +7.5%) โดยยังคงโฟกัสที่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
ส่วน สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง จะทยอยปรับลดสัดส่วนลงให้ต่ำกว่า 10% ของพอร์ตสินเชื่อรวม

  • มุมมองต่อเศรษฐกิจและโอกาสของธุรกิจ

แม้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังสูง (3Q24 = 89% ต่อ GDP) แต่ถือเป็นโอกาสสำหรับบริษัทในการรองรับความต้องการสินเชื่อในตลาดที่ยังมีช่องว่าง โดยอาศัยจุดแข็งด้านเงินทุนจาก BAY ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

คุณภาพสินทรัพย์ ยังคงรักษาจุดเด่นในด้านตัวเลขหนี้เสียที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมจำนำทะเบียน ต้องจับตาความเสี่ยงในพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง คาดว่า NPLs มีโอกาสปรับลดลงต่ำกว่า 1.8% จากการขยายตัวของสินเชื่อ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจากการคุมเข้มการปล่อยกู้ การพัฒนาระบบติดตามทวงหนี้ ผลจากมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย”

อัตรากำไรสุทธิ (NIM) และค่าใช้จ่าย
คาดว่า NIM จะชะลอตัวต่อเนื่องจาก 4Q24 จากแนวโน้ม Cost of Fund (CoF) ที่เร่งตัวขึ้น และจะพีคสุดใน 2Q25F

สาเหตุหลักจากการออกหุ้นกู้ต้นทุนสูงในปีที่ผ่านมา และผลกระทบจากมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย”
คาดว่า ค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (C/I) จะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 55.9% มาอยู่ที่ระดับ 56.5% จากการขยายสาขา (ราว 80–100 สาขา) และการลงทุนในระบบ IT รวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันภัย

  • ประมาณการกำไรสุทธิ

ปี 2568F: 4.6 พันล้านบาท (+10% YoY)
ปี 2569F: 5.5 พันล้านบาท (+18% YoY)
แม้ NIM อาจชะลอลงจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและผลกระทบจากมาตรการช่วยเหลือ แต่คุณภาพลูกหนี้ดีขึ้น และผลขาดทุนจากรถยึดเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

ธุรกิจประกันภัย คาดว่าจะเติบโตทุกแบรนด์
Shield Insurance – ผ่านพนักงานสาขา
Areegator – แพลตฟอร์มออนไลน์ผ่านตัวแทนนายหน้า
heygoody – แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่มีการโทรขายประกัน

แนวโน้ม 1Q25F คาดว่าจะดีขึ้นจาก: การขยายตัวของสินเชื่อ ค่าใช้จ่ายสำรองลดลงจากคุณภาพลูกหนี้ที่ดีขึ้น OPEX ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล

  • คำแนะนำ: แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.60 บาท (อิง PBV 1.68 เท่า)

ปัจจุบัน TIDLOR อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างเป็น Holding Company โดยเปิดรับคำเสนอซื้อ/แลกหุ้น ระหว่างวันที่ 10 มี.ค. – 16 เม.ย. 2568 ในอัตรา 1:1 (ต้องดำเนินการด้วยตนเอง)
แนะนำให้นักลงทุนแลกหุ้น เพื่อคาดหวังการดำเนินธุรกิจที่คล่องตัวขึ้น และโอกาสในการจ่ายปันผลที่สูงขึ้นในอนาคต

แนวรับ – แนวต้าน
แนวรับ: 15.00 – 14.80 บาท (ไม่ควรหลุด)
แนวต้าน: 15.80 / 16.60 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิด 3 ปัจจัย  หุ้นไทยคึก หลังสงกรานต์  คัด 6 หุ้นเด็ด

เปิด 3 ปัจจัย หุ้นไทยคึก หลังสงกรานต์ คัด 6 หุ้นเด็ด

หุ้นไทย หลังสงกรานต์ รอด หรือ ร่วง?

หุ้นไทย หลังสงกรานต์ รอด หรือ ร่วง?

ตลท. ใช้ Ceiling & Floor (+/-30%) เริ่มมีผล 16 เม.ย.68

ตลท. ใช้ Ceiling & Floor (+/-30%) เริ่มมีผล 16 เม.ย.68

ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน เหตุเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ

ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน เหตุเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด