หุ้นวิชั่น – ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Bitcoin ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นนักวิเคราะแสดงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายด้านการค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้น หากทรัมป์ดำเนินนโยบายกำแพงภาษีกับจีนรุนแรงตามที่หาเสียงอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เงินลงทุนบางส่วนย้ายไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งหากการกีดกันการค้าทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงช้ากว่าคาด มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะต้องเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่อาจกลับมาสูงไปอีกสักระยะ ซึ่งนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากกว่าที่คาดการณ์อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หากพิจารณาช่วงทรัมป์ 1.0 ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งกว่าปัจจุบัน สังเกตจากการเติบโตของ GDP และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 3/2567 ขยายตัว 3.0% ทำให้ GDP โดยรวม 9 เดือนแรกปี 2567 ขยายตัว 2.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อีกทั้งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ไปอยู่ที่ 2.6% จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออก ท่องที่ยว และการลงทุนภาครัฐ ขณะที่บริษัทจดทะเบียนรายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2567 มีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากปีก่อน แต่ราคาน้ำมันและส่วนต่างค่าการกลั่นปรับลดลงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและปิโตรเคมีกำไรสุทธิลดลง
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนพฤศจิกายน 2567
- ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 SET Index ปิดที่ 1,427.54 จุด ลดลง 2.6% จากสิ้นเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.8%
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 มีเพียงกลุ่มเดียว ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี
- มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 44,256 ล้านบาท ลดลง 3.4% จากเดือนพฤศจิกายน 2566ขณะที่ใน 11 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,045 ล้านบาท ลดลง 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามเห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดสองเดือนติดต่อกัน
- มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ (SNPS) และใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ (MPJ) บมจ. อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL)
- Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ระดับ 16.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 19.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ระดับ 3.34% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.10%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนพฤศจิกายน 2567
· ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 487,638 สัญญา ลดลง 4.2% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 479,145 สัญญา ลดลง 10.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures