ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

ก.ล.ต. สั่งปรับ 155 ล้านบาท ผู้กระทำผิด 13 ราย คดีปั่นหุ้น MAX, EIC, NEWS และ NEWS-W5

          หุ้นวิชั่น – วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 | ฉบับที่ 20 / 2568 ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 13 ราย กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ ได้แก่ (1) บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MAX) (2) บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (EIC) (3) บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (NEWS) และ (4) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ รุ่นที่ 5 ของ NEWS (NEWS-W5) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 155,092,540 บาท กับผู้กระทำความผิดทั้ง 13 ราย

          สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์) เมื่อปี 2559 – 2560 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้กระทำความผิดจำนวน 13 ราย ที่มีความสัมพันธ์กันทั้งทางการเงินและความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์ (2) นายเอกวิชญ์ กมลเทพา (3) นางวรณัน เลิศกุลธรรม (4) นายภาณุรักษ์ แสงอร่าม (5) นางสาวกรรณิดา ตั้งกิจตรงเจริญ (6) นายกรวิช อัศวกุล (7) นางสาวกัญจนารัศม์ วงศ์พันธุ์ (8) นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล (9) นางอรพิน พิพัฒน์วิไลกุล (10) นายพิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล (11) นายสงกรานต์ ตันศิริ (12) นายภควันต์ วงษ์โอภาสี และ (13) นางมะลิวัลย์ วงศ์ชินศรี ได้ร่วมกันส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ในระหว่างเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน 2559 โดยมีรายละเอียดดังนี้

          – กรณีสร้างราคาหุ้น MAX ระหว่างวันที่ 4 – 23 สิงหาคม 2559 มีผู้กระทำความผิด รวม 11 ราย ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ (2) นายเอกวิชญ์ (3) นางวรณัน (4) นายภาณุรักษ์ (5) นางสาวกรรณิดา (6) นายกรวิช (7) นางสาวกัญจนารัศม์ (8) นายสุวิทย์ (9) นางอรพิน (10) นายภควันต์ และ (11) นางมะลิวัลย์ ได้ร่วมกันทำให้ราคาหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 0.16 บาท เป็น 0.21 บาท และปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 5,387.36 ล้านหุ้น เป็น 10,452.76 ล้านหุ้น
          – กรณีสร้างราคาหุ้น MAX ระหว่างวันที่ 14 – 25 พฤศจิกายน 2559 มีผู้กระทำความผิดรวม 10 ราย ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ (2) นายเอกวิชญ์ (3) นายภาณุรักษ์ (4) นางสาวกรรณิดา (5) นายกรวิช (6) นางสาวกัญจนารัศม์ (7) นายสุวิทย์ (8) นายพิสิษฏ์ (9) นายภควันต์ และ (10) นางมะลิวัลย์ ได้ร่วมกันทำให้ราคาหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 0.15 บาท เป็น 0.16 บาท และปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 6,445.49 ล้านหุ้น เป็น 9,676.69 ล้านหุ้น
          – กรณีสร้างราคาหุ้น EIC ระหว่างวันที่ 4 – 26 สิงหาคม 2559 มีผู้กระทำความผิดรวม 10 ราย ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ (2) นายเอกวิชญ์ (3) นายภาณุรักษ์ (4) นางสาวกรรณิดา (5) นางสาวกัญจนารัศม์ (6) นายสุวิทย์ (7) นางอรพิน (8) นายพิสิษฏ์ (9) นายภควันต์ และ (10) นางมะลิวัลย์ได้ร่วมกันทำให้ราคาหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 0.88 บาท เป็น 1.34 บาท และปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 631.25 ล้านหุ้น เป็น 1,304.43 ล้านหุ้น
          – กรณีสร้างราคาหุ้น EIC ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม – 23 พฤศจิกายน 2559 มีผู้กระทำความผิดรวม 9 ราย ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ (2) นายเอกวิชญ์ (3) นายภาณุรักษ์ (4) นางสาวกรรณิดา (5) นางสาวกัญจนารัศม์ (6) นายสุวิทย์ (7) นายพิสิษฏ์ (8) นายภควันต์ และ (9) นางมะลิวัลย์ ได้ร่วมกันทำให้ราคาหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 0.97 บาท เป็น 1.36 บาท และปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 144.19 ล้านหุ้น เป็น 1,208.98 ล้านหุ้น
          – กรณีสร้างราคาหุ้น NEWS ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 9 กันยายน 2559 มีผู้กระทำความผิดรวม 10 ราย ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ (2) นายเอกวิชญ์ (3) นายภาณุรักษ์ (4) นางสาวกรรณิดา (5) นายกรวิช (6) นางสาวกัญจนารัศม์ (7) นายสุวิทย์ (8) นางอรพิน (9) นายภควันต์ และ (10) นางมะลิวัลย์ ได้ร่วมกันทำให้ราคาหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 0.16 บาท เป็น 0.25 บาท และปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 13.43 ล้านหุ้น เป็น 411.70 ล้านหุ้น
          – กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ NEWS-W5 ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 7 กันยายน 2559 มีผู้กระทำความผิดรวม 9 ราย ได้แก่ (1) นายยรรยงค์ (2) นายเอกวิชญ์ (3) นายภาณุรักษ์ (4) นางสาวกรรณิดา (5) นายกรวิช (6) นางสาวกัญจนารัศม์ (7) นายสุวิทย์ (8) นายสงกรานต์ และ (9) นายภควันต์ ได้ร่วมกันทำให้ราคาหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 0.04 บาท เป็น 0.07 บาท และปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 1.65 ล้านหน่วย เป็น 198.64 ล้านหน่วย

          การกระทำของบุคคลดังกล่าวข้างต้นเป็นความผิดฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ MAX EIC NEWS และ NEWS-W5 ตามมาตรา 243 ประกอบมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พระราชบัญญัติหลักทรัพย์) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 (พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ซึ่งแก้ไขโดยฉบับที่ 5) ยังคงบัญญัติเป็นความผิดตามมาตรา 244/3(1)(2) และมาตรา 244/5 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ซึ่งแก้ไขโดยฉบับที่ 5 ซึ่งมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 บัญญัติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้กับการกระทำความผิดดังกล่าวได้

          คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 13 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับทางแพ่ง ดังนี้ (1) นายยรรยงค์ จำนวน 4,516,129 บาท (2) นายเอกวิชญ์ จำนวน 5,526,408.50 บาท (3) นางวรณัน จำนวน 2,249,968.50 บาท (4) นายภาณุรักษ์ จำนวน 6,783,580.50 บาท (5) นางสาวกรรณิดา จำนวน 6,605,542.50 บาท (6) นายกรวิช จำนวน 2,000,000 บาท (7) นางสาวกัญจนารัศม์ จำนวน 4,133,342 บาท (8) นายสุวิทย์ จำนวน 67,104,063.50 บาท (9) นางอรพิน จำนวน 14,111,276 บาท (10) นายพิสิษฏ์ จำนวน 5,677,703 บาท (11) นายสงกรานต์ จำนวน 500,000 บาท (12) นายภควันต์ จำนวน 16,760,935 บาท และ (13) นางมะลิวัลย์ จำนวน 19,123,591.50 บาท

          มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดจะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

          ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 หุ้นอสังหาฯ สะเทือนน้อย - ลุ้นมาตรการรัฐหนุน

3 หุ้นอสังหาฯ สะเทือนน้อย - ลุ้นมาตรการรัฐหนุน

ORI ผนึก เอสคอน บริษัทอสังหาฯญี่ปุ่น ตอกย้ำเชื่อมั่นคอนโดไทยแข็งแกร่ง

ORI ผนึก เอสคอน บริษัทอสังหาฯญี่ปุ่น ตอกย้ำเชื่อมั่นคอนโดไทยแข็งแกร่ง

GULF โอกาสโตเด่น หลังควบรวม โบรกชูหุ้น Top pick

GULF โอกาสโตเด่น หลังควบรวม โบรกชูหุ้น Top pick

NEO แบรนด์ใหม่ Lovli Tails รุกกลุ่มสัตว์เลี้ยง - เช็กเป้าด่วน!

NEO แบรนด์ใหม่ Lovli Tails รุกกลุ่มสัตว์เลี้ยง - เช็กเป้าด่วน!

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด