หุ้นวิชั่น – WARRIX ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 20-30% ชน 2 พันล้านบาท ส่วนปี 69 คาดแตะ 2.7 พันล้านบาท รุกขยายตลาด โฟกัส Own Channels เร่งปั๊มสัดส่วนเป็น 65% จากปีก่อน 54% พร้อมเดินหน้ารุกช่องทางออนไลน์ จับตาตลาดจีน ส่งซิกแนวโน้มโตสูง
นายพงศ์วรรธน์ ติยะพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2568 ที่ 2,000 ล้านบาท โดยได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับคู่ค้าหลายรายตั้งแต่ต้นปี 2568 คาดว่าจะช่วยเสริมรายได้จากช่องทางหลัก พร้อมทั้งเพิ่มการใช้สื่อเพื่อสนับสนุนการขายออนไลน์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะผ่านความร่วมมือกับ KLS SPORT SHOP ที่มุ่งขยายฐานลูกค้าต่างจังหวัดและมี 3 ช่องทางหลักเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโต
สำหรับกลยุทธ์ด้านพาร์ทเนอร์ ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้จับมือกับสโมสรฟุตบอลอุทัยธานี และสโมสรฟุตบอลในมาเลเซีย นอกจากนี้ยังร่วมเป็นพันธมิตรในงานบอลจตุรมิตร พร้อมขยายช่องทางออนไลน์ร่วมกับ KLS SPORT และ TIKTOK SHOP
ด้านการขยายสาขา บริษัทเน้นโฟกัสที่ Own Channels ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายจาก 54% ในปี 2567 เป็น 65% ในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันยังเดินหน้าขยายสาขาในต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ 1 สาขา มาเลเซีย 2 สาขา และเมียนมา 1 สาขา พร้อมวางแผนเปิดตลาดในกัมพูชา
สำหรับตลาดจีน ยอดขายสินค้าใน Outlet ของ Himaxx มีแนวโน้มเติบโตสูง โดย Himaxx มี 24 Outlet ในเซี่ยงไฮ้ และจำหน่ายสินค้าของ WARRIX ใน 22 แห่ง ทั้งนี้ Himaxx มีแผนขยายสาขาเป็น 100 แห่งทั่วประเทศจีนภายในสิ้นปี 2568 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 42 แห่ง
บริษัทได้ปรับแผนบริหารคลังสินค้าใหม่โดยใช้ระบบเช่าคลังสินค้า พร้อมให้บริษัทจัดการขนส่งด้วยตัวเอง ส่งผลให้การกระจายสินค้ารวดเร็วขึ้น โดยปัจจุบันเริ่มใช้การกระขายสินค้าของบริษัทเองราว 50% ทำให้การบริหารจัดส่งดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง และคาดยอดขายรวมแตะ 2,700 ล้านบาทในปี 2569 จากความร่วมมือกับ KLS SPORT พร้อมเดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับ 60%
ด้านการบริหารสต็อกสินค้า บริษัทเน้นสำรองสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าหมุนเวียนเร็ว และมีอายุการจัดเก็บไม่เกิน 1-2 ปี
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) และประเทศจีนเป็นหลัก ส่วนตลาดยุโรปแม้จะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ แต่ยังต้องติดตามทิศทางอีก 3-5 ปี