หุ้นวิชั่น – SCB EIC คาด ธุรกิจคลังสินค้าของไทยในปี 68 โตต่อ 9.3% เป็น 4.76 ล้านตารางเมตร ชี้ภาคการผลิตกระจายฐานมาไทย หนุนพื้นที่เช่าแน่น ด้าน SONIC แย้มแผนลงทุน WAREHOUSE ทำเงิน จากปัจจุบันที่ 1.6 หมื่นตารางเมตร โชว์เงินสดเต็มหน้าตัก แถม D/E ต่ำ 0.35 เท่า พร้อมลุย!
ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธุรกิจคลังสินค้าของไทยในปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยปริมาณพื้นที่คลังสินค้าที่มีสัญญาเช่าคาดว่าจะขยายตัวราว 9.3% YOY อยู่ที่ 4.76 ล้านตารางเมตร จากความต้องการใช้งานพื้นที่คลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับภาคการผลิตที่กระจายฐานการผลิตมายังไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นหลัก
อีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้งานพื้นที่คลังสินค้าเพื่อรองรับการนำเข้าและส่งออกที่เติบโตได้ดี และความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยซึ่งเริ่มฟื้นตัว รวมถึงตลาด E-commerce ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่อุปทานพื้นที่คลังสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 7.5% YOY จากการลงทุนขยายพื้นที่คลังสินค้าอย่างต่อเนื่องของผู้ให้บริการคลังสินค้า ทำให้อัตราการปล่อยเช่าพื้นที่คลังสินค้าต่อพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าทั้งหมดอยู่ที่ 88.0% เพิ่มขึ้นจาก 86.6% ในปี 2024
ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่คลังสินค้ารวม 16,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นคลังสินค้าเดิม 7,000 ตารางเมตร และคลังสินค้าจากการเข้าลงทุนในบริษัท หยังกี้ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัดในปีที่ผ่านมา อีก 9,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้ ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าของ SONIC แม้ในแง่สัดส่วนรายได้ยังไม่ถือว่ามีนัยสำคัญ แต่ในแง่ของอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ถือว่าอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าการลงทุนไม่สูงมาก และเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่สามารถรับรู้รายได้ในลักษณะ Recurring Income อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันอัตราการเข้าใช้บริการคลังสินค้าอยู่ที่ราว 65% โดยคาดว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จะมีอัตราการเข้าใช้บริการเต็ม 100% ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนคลังสินค้าเพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ และการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อขยายธุรกิจและสร้างรายได้ที่มีมาร์จิ้นสูงอย่างต่อเนื่องในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 300 ล้านบาท พร้อมสำหรับการลงทุนขยายธุรกิจทั้งในด้านโลจิสติกส์ (Logistic) และนอกเหนือจากโลจิสติกส์ (Non-Logistic) โดยยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำที่ 0.35 เท่า ส่งผลให้บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision