หุ้นวิชั่น – LEO มั่นใจโลจิสติกส์ปี 68 สดใส รับอานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้น บอสใหญ่ “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” เล็ง จับมือพาร์ทเนอร์ใหม่ ขยาย Non-Logistic ใส่เกียร์ลุยเพิ่มสัดส่วนแตะ 35% ดันกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) โต 20% พร้อมยกระดับกรีนโลจิสติกส์ ESG ตอบโจทย์โลกและลูกค้า
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2568 มีแนวโน้มสดใสกว่าปี 2567 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและเตรียมขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการเร่งสั่งซื้อสินค้าและใช้บริการโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ฐานลูกค้าส่งออกของบริษัทไปยังสหรัฐฯ ยังคงมีปริมาณการขนส่งที่แข็งแกร่ง ไม่ลดลงจากเดิม จึงมั่นใจว่าธุรกิจโลจิสติกส์ของ LEO จะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งหากสถานการณ์สงครามในต่างประเทศยุติลงอย่างสมบูรณ์ จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคและเสริมสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 LEO คาดว่าจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่อีก 2-3 โครงการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาแผนงานและรูปแบบความร่วมมือ นอกจากนี้ บริษัทให้ความสนใจในการขยายธุรกิจ Non-Logistic โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่ง LEO มีศักยภาพในการบริหารจัดการด้านนี้ให้กับพันธมิตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนร่วมกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งสินค้าทุเรียนจากไทยไปยังคุนหมิง ประเทศจีน ผ่านเส้นทางรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท LaneXang Express ทั้งนี้ บริษัทมองว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจ สำหรับปี 2568 บริษัทวางแผนขยายเส้นทางให้บริการเพิ่มเติม โดยจะเปิดเส้นทางใหม่จากไทย ผ่านนครพนมและมุกดาหาร สู่ประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นเมเจอร์มาร์เก็ตสำหรับการขนส่งสินค้าทุเรียน รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการส่งออก
นายเกตติวิทย์ กล่าวต่อว่า ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Logistic เพิ่มขึ้นเป็น 30-35% ของรายได้รวม พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะเติบโต 15-20% จากการขยายฐานธุรกิจ Non-Logistic ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจหลัก ด้านรายได้รวมของบริษัท แม้ไม่ได้เน้นการเติบโตในเชิงตัวเลขมากนัก เนื่องจากมีความผันผวนตามอัตราค่าระวางเรือ แต่โดยปกติรายได้ของ LEO จะเติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตโดดเด่นที่ 20-25% โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากการขนส่งทางราง และการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดำเนินการในช่วงก่อนหน้า
LEO ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, and Governance) และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
บริษัทยืนยันความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างคุณค่าให้กับสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เติบโตควบคู่ไปกับการดูแลโลกในระยะยาว
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision