หุ้นวิชั่น – “วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล” ย่องเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอีก 17.8602% หรือเพิ่มเป็น 45.9848% ส่งซิกยอดขายเสื้อผ้าโค้งแรกสดใส ชี้อออนไลน์โตสนั่น ปักธงอัพสัดส่วน Own Channel แตะ 65% ลุยปั๊มมาร์จิ้นเข้าพอร์ต กางแผนเปิดจุดจำหน่ายสินค้า 7 แห่งทั่วหัวเมืองใหญ่ทำเงิน
ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX โดย นาย วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 17.8602% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 45.9848% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 17.8602% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 45.9848% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า แนวโน้มธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาในไตรมาส 1/2568 มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายจากแพลตฟอร์ม TikTok Shop และ Shopee ซึ่งเป็นช่องทางที่มียอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัท โดยสินค้าที่มียอดขายโดดเด่นยังคงเป็น เสื้อโปโล และ เสื้อฟุตบอลทีมชาติ ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดจุดจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติมอีก 7 แห่งในหัวเมืองใหญ่ ทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าแบรนด์วอริกซ์ โดยใช้พื้นที่รวมประมาณ 1,100 ตารางเมตร พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเปิด Pop-up Store ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และโรบินสัน รวมกว่า 20 จุดทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า และผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทวางแผนเพิ่มช่องทางการจำหน่ายแบบ Direct Sale มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการปล่อยเครดิต และเพิ่มสัดส่วนการขายในรูปแบบเงินสด โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทาง Own Channel จากระดับปัจจุบันที่ราว 53% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 65% ในอนาคต
ทั้งนี้ การขยายช่องทาง Own Channel จะช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าช่องทางการขายอื่นๆ และช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อนึ่งปี 2567 บริษัทมีรายได้ที่ 1,574.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 148.89 ล้านบาท
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision