หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เตรียมย้ายหลักทรัพย์จากตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยการย้ายนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
A5 เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้ บริษัทมีบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจหลักคือการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเพื่อขาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคต ปัจจุบัน A5 มีบริษัทย่อย ประกอบไปด้วย บริษัท แอสเซที่ ไฟว์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ “AFD” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ี ประกอบธุรกิจหลักโดยบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของที่ทุนจดที่ะเบียนชำระแล้ว
บริษัท รชยาเรียลเอสเตท จำกัด หรือ “RCY” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ AFD 99.99% ของที่ทุนจดที่ะเบียนชำระแล้ว
บริษัท เอไฟว์ ดีไซน์ จำกัด หรือ “A5D” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ AFD 99.99% ของที่ทุนจดที่ะเบียนชำระแล้ว และ บริษัท ต้นสน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ “TONSON” ซึ่งบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วน 47.50% ของทีทุนจดที่ะเบียนชำระแล้ว
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า การย้ายหลักทรัพย์ A5 จากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดว่าจะช่วยดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและกองทุนให้มาลงทุนใน A5 มากขึ้น โดยก่อนหน้านี้มีการซื้อบิ๊กล็อตจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน A5 โดยกองทุนระดับโลก และยังมีการเจรจากับนักลงทุนต่างชาติรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เห็นสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและผลงานที่เติบโตตามเป้าหมาย
นอกจากนี้บริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสในการพูดคุยหรือการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งสามารถเป็นไปได้ทั้งในรูปแบบของการร่วมลงทุน (Joint Venture) หรือลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต
ทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก โดยบริษัท มียอดรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ในไตรมาสสุดท้ายนี้ประมาณ 60-70%
สำหรับทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมยังมีมุมมองที่เติบโตได้ยาก แต่ด้วยขนาดของ A5 ที่อยู่ในระดับกลาง และไม่ได้ใหญ่มากทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้ เนื่องจาก A5 ไม่ได้ลงเล่นในทุกเซกเม้นต์ แต่เน้นตลาดบนและกลางที่มีกำลังซื้อ
ในส่วนของทิศทางการเติบโตในปี 2568 คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดย A5 จะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง หนี้สินไม่มาก ใช้สินเชื่อในระดับต่ำ หรือกู้เงินเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุนและดำเนินธุรกิจต่อไป
คีย์สำคัญของความสำเร็จของ A5 คือการมุ่งเป้าไปยังตลาดกลุ่มบลูโอเชี่ยน หรือกลุ่มผู้ที่สร้างบ้านเอง โดยบริษัทเห็นว่าการสร้างบ้านเองไม่ใช่เรื่องง่าย และมีความเสี่ยงในด้านต่างๆ เช่น การออกแบบ การเลือกวัสดุ และการจัดการผู้รับเหมา รวมถึงการควบคุมกระบวนการก่อสร้างที่อาจส่งผลต่อคุณภาพการอยู่อาศัย
A5 มีโครงการที่มีขนาดตั้งแต่ 700 ถึง 1,000 ตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 30 ล้านบาทถึง 200 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มบลูโอเชี่ยนมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงถึง 2 แสนล้านบาทในอนาคต ส่งผลให้ A5 มีโอกาสขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบัน A5 มีแบรนด์ที่โดดเด่นในโครงการ ได้แก่ แซงค์ รอยัล และ วนา เรสซิเด้นท์ โดยมูลค่าขายของโครงการแซงค์ รอยัล อยู่ที่ 60-200 ล้านบาท ส่วนวนา เรสซิเด้นท์มีมูลค่าขายอยู่ที่ 30-60 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการแซงค์ รอยัล 1 ซึ่งเป็นโครงการระดับ Luxury มูลค่า 1,650 ล้านบาท ตั้งอยู่ย่านบางนา กม.7 ในเร็วๆ นี้ ขณะที่ในปี 2568 คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์วนา เรสซิเด้นท์ มูลค่าราว 30-60 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างการเติบโตให้กับบริษัทต่อไปในอนาคต
“ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น เพราะดอกเบี้ยเริ่มลดลง เงินบาทก็แข็งค่า ลูกค้าหันมาสนใจเข้ามาดูโครงการมากขึ้น และกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ในส่วนของตลาดระดับบนและกลาง มองว่ายังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกเยอะเลย” นายศุภโชค
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision