Data center อาเซียน ไทยมีโอกาสโตแค่ไหน

          ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า ฝ่ายวิเคราะห์ของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ CGSI ได้จัดทำรายงานเรื่อง เส้นทางการเติบโตของ Data center ในอาเซียน พร้อมกับวิเคราะห์โอกาสและการเติบโตของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่จะเติบโตไปพร้อมกับความต้องการ Data center

          จากข้อมูลของ DC Byte ความจุ (capacity) ของศูนย์ข้อมูลหรือ Data center ในอาเซียนอาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า จาก 1,677MW ในไตรมาส 1/67 เป็น 7,589MW ภายในปี 71 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากปริมาณการใช้งาน อินเตอร์เน็ต (data usage) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคจากการใช้งานอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอย่าง แพร่หลาย, ความต้องการการประมวลผลเพื่อรองรับระบบการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ (AI training) และข้อจำกัดด้านพื้นที่และกำลังไฟฟ้าในตลาดหลัก

          เราเชื่อว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียจะได้ประโยชน์มากสุดจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน Data center เพราะมีความ ได้เปรียบด้านที่ตั้ง ซึ่งทำให้ทั้งสองประเทศนี้กลายเป็น gateway ในอุดมคติสำหรับการเชื่อมต่อข้อมูลอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่าขณะนี้สิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีความจุ Data center มากที่สุดในอาเซียน แต่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และพลังงานไฟฟ้า ทำให้ผู้ให้บริการหันไปพิจารณาหาทำเลที่ตั้งในประเทศอื่น เช่นมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย, เวียดนามและฟิลิปปินส์

          ขณะที่ DC Bytes ประมาณการว่าความจุ Data center ในมาเลเซีย, ไทย และอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 32-56% CAGR ในปี 66-71 สูงกว่าสิงคโปร์ที่ 8% CAGR นอกจากนี้ เราคาดว่าความต้องการ Data center ที่เพิ่มขึ้นนอกประเทศสิงคโปร์จะมาจากทั้ง Hyperscaler ระดับโลก (Amazon, Google และ Microsoft) และผู้ให้บริการรับฝาก Server (colocation provider) ที่มีลูกค้าต้องการทรัพยากรการประมวลผลสำหรับการพัฒนาและการใช้งาน AI

          เราเชื่อว่าผู้เล่นที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่ธุรกิจการก่อสร้าง Data center เช่นผู้จัดหาอุปกรณ์, เจ้าของอสังหาริมทรัพย์แล ผู้รับเหมาก่อสร้าง จะได้ประโยชน์มากกว่าผู้ให้บริการในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากวงจรการเติบโตของอุตสาหกรรมในขณะนี้ยังมุ่งเน้นการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ AI training นอกจากนี้เรามองว่าผลตอบแทนในรูปของกำไรของบริษัทโทรคมนาคมอาจยังไม่สูงนัก แต่ผู้ประกอบการเหล่านี้น่าจะได้ประโยชน์จากเงื่อนไขการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มากขึ้นตามความจุ Data center ที่เพิ่มขึ้น

          สำหรับประเทศไทยนั้น เรามองว่า ในภูมิภาคอาเซียนประเทศไทยยังถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีขนาดเล็กในอุตสาหกรรม Data center เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ตามข้อมูลของ Cushman & Wakefield ประเทศไทยมี Data center ทั้งหมด 59 แห่ง รวมความจุ 66MW ณ สิ้นไตรมาส 1/67 นอกจากนี้ไทยยังมี Data center ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 80MW และอยู่ระหว่างการวางแผนอีก 246MW ขณะที่ DC Byte ประมาณการเชิงรุกว่า Data center ในไทยอาจมีความจุเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 642MW ภายในปี 67

          เราเชื่อว่าไทยมีความต้องการ Data center ในประเทศสูง เนื่องจากประชากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก จึงส่งผลให้ความต้องการอินเตอร์เน็ตพุ่งสูงขึ้นตาม นอกจากนี้เชื่อว่าไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพัฒนาต่อเนื่อง เช่น โครงข่ายพลังงานไฟฟ้าที่เชื่อถือได้และโครงข่ายโทรคมนาคมที่พัฒนาแล้ว ส่งผลให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนด้าน Data center ที่น่าสนใจ

          ภายใต้นโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ที่มุ่งเป้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ จากเดิมที่พึ่งพิงภาคการผลิตไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้เสนอสิทธิประโยชน์ทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี เพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม Data center ในประเทศไทย ประกอบด้วย การยกเว้นภาษีเป็นเวลา 8 ปีและยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับการจ่ายเงินปันผล, การส่งกำไรกลับประเทศได้ง่ายขึ้น และการปลดล็อคหลักเกณฑ์การถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการอนุญาตให้ถือครองที่ดินเพื่อใช้ในโครงการ Data center

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะมีโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายไฟฟ้าและการเชื่อมต่อข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่แข็งแกร่ง แต่เราเชื่อว่าไทยยังต้องปรับปรุงอีกหลายด้าน เพื่อให้กลายเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับ Data center เมื่อเทียบกับมาเลเซียที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนากว่าไทยสำหรับการก่อสร้าง Data center เช่น ไทยมีสถานีสายเคเบิ้ลใต้น้ำ (submarine cables) น้อยกว่ามาเลเซีย ทำให้ไทยสามารถรองรับปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศได้จำกัด จึงอาจไม่น่าสนใจสำหรับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่กำลังมองหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตประสิทธิภาพสูง

          ตามข้อมูลของ Submarine Networks ประเทศไทยมีสถานีเคเบิ้ลใต้น้ำ 9 แห่ง เทียบกับมาเลเซียที่มี 19 แห่ง เราเชื่อว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะสภาพภูมิประเทศของไทยไม่เอื้อต่อการวางสายเคเบิ้ลใต้น้ำเท่ากับมาเลเซีย และถึงแม้ว่าไทยจะยังเชื่อมต่อกับโครงข่ายสายเคเบิ้ลระหว่างประเทศที่สำคัญ แต่ไทยยังขาดศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์เหมือนมาเลเซีย

          ข้อมูลของ Bloomberg ระบุด้วยว่า ไทยได้คะแนนน้อยกว่ามาเลเซียด้านความสะดวกในการขอใบอนุญาต, ความมั่นคงทางพลังงาน และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยได้ริเริ่มหลายโครงการเพื่อปรับปรุงเรื่องดังกล่าว เช่น รัฐบาลลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายการเชื่อมต่อข้อมูลอินเตอร์เน็ตด้วยการขยายโครงข่ายสายเคเบิ้ลใต้น้ำ โดย Asia Direct Cable (ADC) เป็นตัวอย่างของการลงทุนในเรื่องนี้ ซึ่งมุ่งเป้าเพิ่มแบนด์วิธและเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อข้อมูลอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศ

          นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนสำหรับ Data center เพื่อความยั่งยืน รวมทั้งลด ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยปกติแล้ว Data center ในนิคมอุตสาหกรรมจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ซึ่งเราเชื่อว่าพลังงานทดแทนเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้

          สำหรับโครงการลงทุนใน Data center ใหม่ในไทย เช่น Microsoft ในเดือนพ.ค.67 ประกาศทุ่มเงินลงทุนก่อสร้าง Data center hub ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทวางแผนจะเปิด Data center ระดับภูมิภาคแห่งแรกเพื่อเพิ่มความสามารถของแพลตฟอร์ม Azure cloud นอกจากนี้ Microsoft ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะด้าน AI มากกว่า 100,000 คนเพื่อสนับสนุนผู้พัฒนาในท้องถิ่น

          GSA เดือนก.พ.67 บริษัท กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) , Singtel และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) ถือหุ้นสัดส่วน 40%, 35% และ 25% ตามลำดับ เพื่อก่อสร้าง hyperscale Data center แห่งใหม่ใกล้กับกรุงเทพฯ โดย Data center จะบริหารงานโดยบริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ จำกัด มีกำหนดจะเปิดดำเนินงานในปี 68 ด้วยความจุมากกว่า 20MW

          Amazon Web Services (AWS), Google และ Microsoft ในเดือนพ.ย.66 โฆษกรัฐบาลกล่าวว่าประเทศไทยจะได้รับเงินลงทุน 3 แสนล้านบาทจาก Amazon Web Services (AWS), Google และ Microsoft ขณะที่มีรายงานว่า AWS เตรียมจะสร้าง Data center ในประเทศไทยด้วยงบลงทุน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯภายในระยะเวลา 15 ปี

 

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘วิชินี โอรพันธ์’ ผู้บริหารหญิงแห่งธนชาตประกันภัย สร้างทีมงานอย่างมืออาชีพ เสริมแกร่งช่องทางจำหน่าย สู่เบี้ยประกันภัยหมื่นล้าน

‘วิชินี โอรพันธ์’ ผู้บริหารหญิงแห่งธนชาตประกันภัย สร้างทีมงานอย่างมืออาชีพ เสริมแกร่งช่องทางจำหน่าย สู่เบี้ยประกันภัยหมื่นล้าน

หนี้ครัวเรือนไทย  แก้อย่างไรให้ยั่งยืน-ตรงกลุ่ม

หนี้ครัวเรือนไทย แก้อย่างไรให้ยั่งยืน-ตรงกลุ่ม

พลังงานเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียมบนบก รอบที่ 25

พลังงานเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียมบนบก รอบที่ 25

ส่องราคาทองเช้าวันนี้

ส่องราคาทองเช้าวันนี้ "ราคาไม่เปลี่ยนแปลง"

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด