หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนตา มีมุมมองเป็นบวกต่อการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร แม้หลายประเด็นอาจไม่ได้ดำเนินการในทันที แต่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีความเข้าใจสภาพตลาดทุนที่ถูกบั่นทอนจากปัจจัยด้านธรรมาภิบาลและความเชื่อมั่น ซึ่งคาดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมาตรการเพื่อควบคุมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรมมากขึ้น ส่วนมาตรการกระตุ้นตลาดทุน มีแนวคิดจะนำ LTF กลับมาใช้เพื่อไม่ให้เงินไหลออกจากตลาดทุน และจะสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืนมากขึ้น เนื่องจากมีหลายบริษัทที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ขณะที่มาตรการทางภาษีกำลังศึกษาเพื่อปรับโครงสร้างให้สามารถลดภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา แล้วไปปรับในส่วนอื่นชดเชย เช่น VAT และใช้ Negative Income Tax เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย
ด้านการสนับสนุนธุรกิจใหม่ จะผลักดัน Data Center, AI, Stem Cell, การผลิตยา, Digital Asset ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นไฮไลต์หลักคือการให้เช่าทรัพย์สินระยะยาว 99 ปี และการจัดตั้ง Infrastructure Fund ปัจจัยกดดันกำลังถูกแก้เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้มุมมองว่าตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาเกิดจาก Trust, Confidence, Sentiment ที่ถูกบั่นทอน โดยหลังจากนี้ คาดว่ารัฐบาลและ ก.ล.ต. จะยกระดับธรรมาภิบาลมากขึ้น โดยถ้าจำเป็นต้องปรับกฎหมาย รัฐบาลต้องออก พ.ร.ก. เพื่อให้อำนาจ ก.ล.ต. ในการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็ว ควบคุม High Frequency Trading ไม่ให้สร้างความผันผวนกับตลาดทุนหรือเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ เชิญชวนธุรกิจใหม่ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยผ่าน BOI เช่น กลุ่มที่เข้ามาลงทุนใน Entertainment Complex เพื่อเพิ่ม Supply หุ้นที่เป็น New S-Curve
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้บริษัทที่ PBV ต่ำกว่า 1 เท่าซื้อหุ้นคืน (ยังต้องรอมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อหุ้นคืน) และสนับสนุนตลาด Digital Asset และการซื้อขาย Carbon ส่วนกองทุนลดหย่อนภาษี กระทรวงการคลังกำลังพิจารณานำ LTF กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อให้คงสภาพคล่องในตลาดทุนไม่ให้ลดลง เนื่องจาก TESG ออกมาแล้ว แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ากองทุนตราสารหนี้ ไม่ได้ไหลเข้าตราสารทุนตามที่ตั้งใจไว้
สนับสนุนธุรกิจใหม่ Data Center, AI, Biotech หลังจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าสนับสนุน Data Center และ AI อย่างมาก เพื่อให้ประเทศไทยเป็น Hub ด้าน AI โดยมาตรการลดค่าไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเอกชนตามที่นักลงทุนกังวลก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ จะส่งเสริมธุรกิจที่เป็น Innovation เช่น Stem Cell เพื่อการดูแลสุขภาพและชะลอวัย รวมถึงสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตยา เพื่อลดภาระให้กับรัฐบาล
ในโครงการเพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คุณทักษิณคาดว่า GDP ปี 2025 จะโตเกิน 3% และปี 2026 โตเกิน 4% ก่อนจะไปแตะระดับ 5% ได้ในปี 2027 เราประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อ SET INDEX โดยภาพรวม และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลหลังจากนี้ เช่น
- Data Center + AI – WHA, AMATA, GULF, INTUCH, LTS, INSET, SYMC, BE8, BBIK
- Stem Cell + ยา – MEDEZE, TMAN
- Entertainment Complex – BTS, VGI, MBK
- รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย – BTS, BEM
- ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน – CK, STECON
ทั้งนี้เราคาดว่าจะเห็นแรง Short Covering ในกลุ่มโรงไฟฟ้าจากแนวทางการปรับลดค่าไฟที่มีความชัดเจนมากขึ้น
ปัจจัยกดดันกำลังถูกแก้เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น
อดีตนายกทักษิณ ชินวัตรให้มุมมองว่าตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาเกิดจาก Trust, Confidence, Sentiment ที่ถูกบั่นทอน โดยหลังจากนี้ คาดว่ารัฐบาลและ ก.ล.ต. จะยกระดับธรรมาภิบาลมากขึ้น โดยถ้าจำเป็นต้องปรับกฎหมาย รัฐบาลต้องออก พ.ร.ก. เพื่อให้อำนาจ ก.ล.ต. ในการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็ว, ควบคุม High Frequency Trading ไม่ให้สร้างความผันผวนกับตลาดทุนหรือเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ, เชิญชวนธุรกิจใหม่ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยผ่าน BOI เช่น กลุ่มที่เข้ามาลงทุนใน Entertainment Complex เพื่อเป็นการเพิ่ม Supply หุ้นที่เป็น New S-Curve
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้บริษัทที่ PBV ต่ำกว่า 1 เท่าซื้อหุ้นคืน (ยังต้องรอมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อหุ้นคืน) และสนับสนุนตลาด Digital Asset และซื้อขาย Carbon
ส่วนกองทุนลดหย่อนภาษี กระทรวงการคลังกำลังพิจารณานำ LTF กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อให้คงสภาพคล่องในตลาดทุนไม่ให้ลดลง เนื่องจาก TESG ออกมาแล้ว แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ากองทุนตราสารหนี้ ไม่ได้ไหลเข้าตราสารทุนตามที่ตั้งใจไว้
สนับสนุนธุรกิจใหม่ Data Center, AI, Biotech
หลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าสนับสนุน Data Center และ AI อย่างมาก เพื่อให้ประเทศไทยเป็น Hub ด้าน AI โดยมาตรการลดค่าไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน ซึ่งจะดำเนินการไม่ให้กระทบโรงไฟฟ้าเอกชนตามที่นักลงทุนกังวลก่อนหน้านี้ แต่เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ปิดโรงไฟฟ้าที่ต้นทุนสูง, การลดสวัสดิการค่าไฟฟ้าจากหน่วยงานราชการ, และการลดค่าผ่านท่อก๊าซ
นอกจากนี้ จะส่งเสริมธุรกิจที่เป็น Innovation เช่น Stem Cell เพื่อการดูแลสุขภาพและชะลอวัย รวมถึงสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตยา เพื่อลดภาระให้กับรัฐบาลในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ส่วนมาตรการสนับสนุน Digital Asset รัฐบาลเตรียมเปิด Sandbox เพื่อทดลองรับ Bitcoin ที่ภูเก็ต
ขณะที่ฐานการผลิต EV Car จะทำให้สมดุลกับ Ecosystem ของประเทศมากขึ้น และกระตุ้นให้ธนาคารกลับมาปล่อยสินเชื่ออีกครั้ง
ขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น
รัฐบาลจะใช้กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อเปิดให้เช่าทรัพย์สินรัฐระยะยาว 99 ปี เพื่อกระตุ้นการลงทุน เช่น การสร้างบ้านบนที่ดินของการรถไฟฯ, โครงการถมทะเลเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพ, การขุดลอกคลองเพื่อระบายน้ำได้เร็วขึ้น และให้เอกชนหรือประชาชนสามารถนำดินไปใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายสนามบินและถนนในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงเปิดให้ลงทุน Entertainment Complex คาดมีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 5 แสนล้านบาท และจะจัดตั้ง Infrastructure Fund เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในเดือน ต.ค. 2025
โครงสร้างภาษีจะต้องปรับเพื่อกระตุ้นการลงทุน
ภาษี Global Minimum Tax ให้เก็บ 15% ตามข้อตกลงกับ OECD ไปก่อน แล้วให้ BOI หามาตรการไปช่วย เพื่อให้การลงทุนในไทยเกิดประโยชน์สุทธิมากกว่าประเทศอื่น
ภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดากำลังศึกษาเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน โดยถ้าลดภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา จะต้องไปเพิ่ม VAT โดยจะช่วยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยผ่านการใช้ Negative Income Tax