ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

ยอดผลิตรถยนต์ ก.พ. 68 วูบ 13% แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) พิ่มขึ้น 60.09%

          นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ดังต่อไปนี้

การผลิต

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งสิ้น 115,487 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 13.62 เพราะผลิตขายในประเทศลดลงร้อยละ 21.26 โดยเฉพาะรถกระบะที่ยังคงลดลงร้อยละ 42.10 ตามยอดขายรถกระบะที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลงร้อยละ 9.48 โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลงถึงร้อยละ 47.01 ตามยอดส่งออกที่ลดลง

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 222,590 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 19.29

รถยนต์นั่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 38,563 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 23.55 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 16,379 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 64
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 2,242 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 69
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 2,227 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 65
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 17,715 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ37

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวน 74,277 คัน เท่ากับร้อยละ 33.37 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 27.85 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 32,349 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 02
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 3,907 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ95
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 4,392 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 24
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 33,629 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 31

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ไม่มีการผลิต

รถยนต์บรรทุก เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 76,924 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 7.60 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 148,313 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 14.19

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 76,017 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 5.28 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 146,621 คัน เท่ากับร้อยละ 65.87 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 12.22 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 29,780 คัน         ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 43
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 86,478 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 77
  • รถกระบะ PPV 30,363 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 02

รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้  907 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 69.74 รวมเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 1,692 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 70.79

ผลิตเพื่อส่งออก

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 78,535 คัน เท่ากับร้อยละ 68 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 9.48 ส่วนเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 153,579 คัน เท่ากับร้อยละ 69 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 15.56

รถยนต์นั่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 13,511 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 47.01 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 27,465 คัน เท่ากับร้อยละ 36.98 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 48.26

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 65,024 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 6.14 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 126,114 คัน เท่ากับร้อยละ 83.92 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 2.07 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 20,321 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 39
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 79,868 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 79
  • รถกระบะ PPV 25,925 คัน    เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 54

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 36,952 คัน เท่ากับร้อยละ 32 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 21.26 และเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 69,011 คัน เท่ากับร้อยละ 31 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 26.52

รถยนต์นั่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 25,052 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 0.43 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ผลิตได้ 46,812 คัน เท่ากับร้อยละ 63.02 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ลดลงร้อยละ 6.12

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 10,993 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 42.10 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 20,507 คัน เท่ากับร้อยละ 13.99 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 46.39 ซึ่งแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 9,459 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 13
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 6,610 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 59
  • รถกระบะ PPV 4,438 คัน  ลดลงจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ06

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ไม่มีการผลิต

รถบรรทุก เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 907 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 69.74 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,692 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 70.79

รถจักรยานยนต์

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 216,632 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 0.40 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 169,671 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 3.47 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 46,961 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 17.43

ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 430,703 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.19 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 345,527 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.28 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 85,176 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 1.82

ยอดขาย

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,313 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2568 ร้อยละ 1.20 และลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 6.68  จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลงร้อยละ 14.9 คงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่สถาบันการเงินอาจปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น แต่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงมาตรการช่วยเหลือรถกระบะในโครงการ “รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย)ค้ำประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะซึ่งเป็นรถประกอบธุรกิจของประชาชนและเกษตรกรซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย มีวงเงินห้าพันล้านบาทโดยเริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ซึ่งอยู่ในช่วงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเคอร์โชว์ ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์และส่งเสริมให้ SME ซื้อรถกระบะไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้ ขอบคุณรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่เห็นถึงความเดือนร้อนของผู้ประกอบอาชีพทุกภาคส่วน และเพื่อให้ยอดขายรถยนต์กระบะเพิ่มขึ้น จึงขอให้เร่งแก้กฎหมายให้ครอบคลุมถึงสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร และสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ได้เข้าร่วม “โครงการรถกระบะพี่ มีคลังค้ำ”

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 30,788 คัน เท่ากับร้อยละ 62.43 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 2.37

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,782 คัน เท่ากับร้อยละ89 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 11.81
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 7,539 คัน เท่ากับร้อยละ 29 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 59.35
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 788 คัน เท่ากับร้อยละ 53 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 209.02
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,679 คัน เท่ากับร้อยละ66 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 19.04

รถกระบะมีจำนวน 13,184 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 15.13 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 35 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน  2,925 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ  11.47 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,135 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 22.84 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,246 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 24.97

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 147,563 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 5.62 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 2.71

ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 รถยนต์มียอดขาย 97,395 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.53 แยกเป็น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 61,388 คันเท่ากับร้อยละ 63 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 6.85

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 23,787 คัน เท่ากับร้อยละ42 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 14.03
  • รถยนต์นั่งแหละรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 14,558 คัน เท่ากับร้อยละ95 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 0.12
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,753 คัน เท่ากับร้อยละ80 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 478.55
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 21,292 คัน เท่ากับร้อยละ86 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.83

รถกระบะมีจำนวน 25,441 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 16.31 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 39 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 6,027 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 5.50 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 2,117 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 29.78 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 2,383 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 21.27

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 303,913 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 2.10

การส่งออก

รถยนต์สำเร็จรูป

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ส่งออกได้ 81,323 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 30.49 แต่ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 8.34 เพราะจะมีการเปลี่ยนรุ่นรถของรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงชะลอการผลิต ทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ยังคงต้องติดตามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 2  เมษายน 2568 ว่าจะมีประเทศไหนบ้าง และบางประเทศคู่ค้าลดคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา บางประเทศคู่ค้ามีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเข้ามามีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น บางประเทศคู่ค้ามีกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากประเทศขึ้น

ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แบ่งเป็น ดังนี้

  • รถกระบะ 52,947 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 11 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 7.34
  • รถยนต์นั่ง ICE 10,297 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 66 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 47.64
  • รถยนต์นั่ง HEV 4,942 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 08 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 30.16
  • รถ PPV 13,137 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 15 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 3.83

มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 57,326.37 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 5.50

  • เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,741.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 58
  • ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 10,737.89 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 69
  • อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,257.92 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 84

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 73,063.43 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 10.91

เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 143,644 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 18.12 แบ่งเป็น

  • รถกระบะ ICE 91,438 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 66 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 9.40
  • รถยนต์นั่ง ICE 23,448 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 32 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 40.69
  • รถยนต์นั่ง HEV 7,419 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 16 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 38.32
  • รถ PPV 21,339 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 86 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 7.04

มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 98,771.67 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 18.52 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 5,655.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 76
  • ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 25,736.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 90
  • อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 4,441.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 29

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 134,605.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 16.73

 

รถจักรยานยนต์

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนส่งออก 77,252 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2568 ร้อยละ 5.98 แต่ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 8.72 โดยมีมูลค่า 4,646.27 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 31.11

  • ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น16 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 36.56
  • อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 33.39

 

 

 

 

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 5,032.19 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 29.69

 

เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 150,145 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 10.36 มีมูลค่า 10,793.77 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 13.66

  • ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 72 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 28.29
  • อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 35.13

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 11,559.40 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 12.97

 

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 78,095.61 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 12.42

เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 146,164.79 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 16.44

 

 

 

 

 

 

 

 

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,375 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 16.42 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 5,161 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 22
    • รถยนต์นั่งจำนวน 5,091  คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน    66   คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน      4   คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 32 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 95
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 2 คัน เท่ากับเดือนกุมภาพันธ์ 2567
    • รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน      2   คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 2,140 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 28
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 2,140  คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 8 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 56
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 32 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 83

 

เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน      22,086 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 0.86 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 17,558 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 06
    • รถยนต์นั่งจำนวน           17,426 คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน     119 คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน        6 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน        7 คัน

 

 

 

 

  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 64 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 61
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 2 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 50
    • รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน        2 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 4,403 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 03
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน   4,402 คัน
    • รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน        1 คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 10 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ36
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 49 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ62

 

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,050 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 0.49 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 11,997 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 26
    • รถยนต์นั่งจำนวน          11,978  คัน
    • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน       4  คัน
    • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน       8   คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน       7  คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 53 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 112
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน      53 คัน

เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  25,595 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 2.06 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 25,464 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 38

 

 

 

  • รถยนต์นั่งจำนวน           25,431 คัน
  • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน      5  คัน
  • รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน      11  คัน
  • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน      17 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 131 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ35
    • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน     131 คัน

 

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,020 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 14.09 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 1,020 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 09
    • รถยนต์นั่งจำนวน      1,020 คัน

 

เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  2,094 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ปีที่แล้วร้อยละ 14.18 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 2,094 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 18
    • รถยนต์นั่งจำนวน                 2,091 คัน
    • รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน             3 คัน

 

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 249,335 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 61.88 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 176,747 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 33

 

 

 

  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 173,292 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 02
  • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 2,614 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 31
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 89 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 93
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 171 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 09
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 578 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ36
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 933 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 128.68
  • รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,020 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 46
  • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 114 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 71
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 906 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 17
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 66,890 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 63
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 66,773 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 84
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 117 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 03
  • อื่นๆ
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,799 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 87
  • รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 946 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 37

 

 

 

 

 

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 494,816 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 33.90 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 485,399 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 68
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 484,228 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 67
  • รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 501 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 16
  • รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 84 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ37
  • รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 233 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ91
  • รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 150
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 348 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 56
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,414 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 36
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,414 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 36
  • อื่นๆ
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567

 

 

 

 

 

 

 

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 65,252 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 16.98 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 65,252 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 98
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 65,177 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 99
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 43 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 88
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 21 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 67
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 6 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 50

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

MGC ดัน XPENG ผู้นำ AI EV  ชู X9 ใน Motor Show 2025

MGC ดัน XPENG ผู้นำ AI EV ชู X9 ใน Motor Show 2025

“พิชัย“สั่งติดตามราคาสินค้า ดูแลค่าครองชีพประชาชน

“พิชัย“สั่งติดตามราคาสินค้า ดูแลค่าครองชีพประชาชน

ผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิง หนุนท่องเที่ยว–ศก.

ผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิง หนุนท่องเที่ยว–ศก.

[ภาพข่าว] เมืองไทยประกันชีวิต ปลื้ม! คว้า 2 รางวัลใหญ่

[ภาพข่าว] เมืองไทยประกันชีวิต ปลื้ม! คว้า 2 รางวัลใหญ่

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด