[PR News] บลจ.ดาโอ ชวนลงทุนหุ้นสหรัฐฯ

          “บลจ.ดาโอ” เปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ดาโอ ยูเอส อิควิตี้ โกรท (DAOL-USEQG) สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากบริษัทของสหรัฐฯ กับโอกาสการเติบโตบน Mega Trends 8 ธีมหลักภายใต้การบริหารจากผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ Baillie Gifford  เปิดขาย IPO วันที่ 3-10 ตุลาคม 2567

          คุณนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีความน่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ปัจจัยสนับสนุนหลัก คือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% มาอยู่ที่ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งล่าสุดเดือนกันยายน 2567 พร้อมกับถ้อยแถลงประธาน FED ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้แข็งแกร่ง ไม่เห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้ ขณะเดียวกัน FED Dot Plot ก็บ่งชี้ว่า FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 4.00-4.25% ในปี 2567 และอีก 4 ครั้งในปี 2568 สู่ระดับ 3.00-3.25% ซึ่งถือว่าจะเป็นการเข้าสู่วัฎจักรดอกเบี้ยขาลงหลังดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

          คาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะมีผลให้อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร (Bond Yield) ปรับตัวลดลงตาม ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกกับกำไรของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง Valuation มีโอกาสได้รับการ Rerating เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มหุ้นที่อัตราการเติบโตโดดเด่น (Growth Stock) ทั้งนี้เมื่อดูจากสถิติย้อนหลังในอดีต จะเห็นได้ว่ากลุ่มดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดหลัง FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างเช่น หุ้นเติบโตในกลุ่ม บริการด้านการสื่อสาร (Communication Services) และกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +3.46%, +1.49 ในหนึ่งสัปดาห์หลังการปรับลดดอกเบี้ย,  +3.83%, +6.42% ในหนึ่งเดือนถัดมา และ +7.10%, +1.91% ในสามเดือนถัดมา ในขณะที่ดัชนี S&P 500 มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ -0.56%, +2.45% และ +2.10% ตามลำดับ

          นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ปี 2567 คาดเติบโต 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นการเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 และคาดการณ์เติบโตต่อเนื่องในปี 2568 เป็น 15% กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตได้ดี ได้แก่ Info Tech , Comm Services และ Consumer Discretionary ซึ่งจัดเป็นหุ้นในกลุ่ม Growth Stock

          บลจ.ดาโอ จึงขอแนะนำโอกาสลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ผ่าน ‘กองทุนเปิด ดาโอ ยูเอส อิควิตี้ โกรท (DAOL-USEQG)เปิดเสนอขายวันที่ วันที่ 3-10 ตุลาคม 2567 (ความเสี่ยงระดับ 6 : ความเสี่ยงสูง)  ลงทุนผ่าน กองทุนหลัก Baillie Gifford Worldwide – US Equity Growth Fund ซึ่งบริหารจัดการโดย Baillie Gifford ที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ กองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นเติบโตชั้นดีของสหรัฐอเมริกาในหลากหลายกลุ่มธุรกิจตามการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศสหรัฐฯ มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว (Investment Horizon 5 ปีขึ้นไป)

          ทั้งนี้ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่มองโอกาสเติบโตในอนาคต ผู้จัดการกองทุนเล็งเห็นการเติบโตจาก Mega Trends 8 ธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1.) การซื้อ-ขายสินค้าและบริการ 2.) การสร้างเนื้อหา และใช้อัลกอริธึมเพื่อดึงดูดผู้บริโภค 3.) การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ และมีความแตกต่าง 4.)ธุรกิจการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม 5.)ธุรกิจที่พัฒนาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบการขนส่ง 6.) ธุรกิจการจัดสรรเงินทุนกับธุรกิจ 7.)ธุรกิจการเรียนออนไลน์และการศึกษาแบบดิจิทัล และ 8.)ธุรกิจทางการเงินและบริการที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนหลักเลือกลงทุน

  • The Trade Desk บริษัทเทคโนโลยีด้านการโฆษณาออนไลน์
  • Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ ขายสินค้ำหลากหลายประเภท
  • Meta Platforms บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาและให้บริการโซเชียลมีเดีย
  • NVIDIA บริษัทเทคโนโลยีออกแบบผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกราฟิกการ์ด
  • Shopify แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่สร้างร้านค้าออนไลน์

          “ด้วยกลยุทธ์ลงทุนแบบ Bottom-up เน้นหาบริษัทที่เป็นหุ้นเติบโตมีความสามารถเพิ่มผลตอบแทน และสร้างมูลค่าให้กับกองทุน ทำให้กองทุน Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth Fund ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.7% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 21.5% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ -15.3% และย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 10.6% (ที่มา Baillie Gifford ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567)”

          “การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเมื่อพิจารณาระดับราคาหุ้น แม้ว่าดัชนี S&P500 ได้พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ แต่หากไม่รวมหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 จะพบว่า ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ Forward P/E ประมาณ 19.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าดัชนี S&P500 โดยรวมที่ 21.3 เท่า ดังนั้นด้วยความโดดเด่นของบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโต อีกทั้งการลงทุนเชิงรุกที่เน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นบริษัทที่มีการเติบโตที่โดดเด่น จำนวน 30-50 หลักทรัพย์ในพอร์ต ‘กองทุนเปิด ดาโอ ยูเอส อิควิตี้ โกรท (DAOL-USEQG)’ จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจาก Mega Trends ในอนาคต ที่ บลจ.ดาโอ อยากแนะนำ ” คุณนิสารัตน์  กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
ดาโอ จำกัด (บลจ.ดาโอ) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อหน่วยลงทุน ของ บลจ. ดาโอ

คำเตือน

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ที่มา

  • Projection Materials, Federal Open Market Committee, Board of Governors of the Federal Reserve System released, as of September 2024
  • CME Group as of 19 September 2024
  • FirstCall, I/B/E/S, FactSet, and Goldman Sachs Global Investment Research as of 6 September 2024
  • Bloomberg as of 19 September 2024
  • Baillie Gifford As at 30 June 2024
แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

น้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวก 69.46 ดอลลาร์/บาร์เ

น้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวก 69.46 ดอลลาร์/บาร์เ

กะทิไทย... สินค้าที่กำลังเฉิดฉายในเวทีโลก

กะทิไทย... สินค้าที่กำลังเฉิดฉายในเวทีโลก

อีสท์สปริง เสนอกองพันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น IPO 20-25 ธ.ค.นี้ ชูยิลด์ 1.80%

อีสท์สปริง เสนอกองพันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น IPO 20-25 ธ.ค.นี้ ชูยิลด์ 1.80%

กองทุนลดหย่อนภาษีเด่น 2024 ที่ไม่ควรพลาด

กองทุนลดหย่อนภาษีเด่น 2024 ที่ไม่ควรพลาด

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด