ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

OSP ปี67 กำไร 1,638 ลบ. เดินเกมรุกโตต่อ เงินปันผลอีก 0.30 บ./หุ้น  

           หุ้นวิชั่น – ‘บมจ. โอสถสภา (OSP)’ รายงานผลการดำเนินงานปี 67 ทำรายได้จากการขาย 27,069 ล้านบาท เติบโต 3.9% มีกำไรสุทธิ 1,638 ล้านบาท แม้ลดลง 31.8% YoY จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ถือเป็นค่าใช้จ่าย One-Time Expenses ด้านผลงาน Q4/67 ทำรายได้จากการขาย 6,422 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท ดันอัตรากำไรขั้นต้นใน Q4/67 แตะ 38.5% ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บอร์ดเสนอจ่าย          เงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.30 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 พ.ค.นี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโตที่ระดับ Mid-single-digit เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำในตลาดของธุรกิจหลัก ปักธงสู่เป้าหมายรายได้แตะ 40,000 ล้านบาท ภายในปี 2571

           นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,422 ล้านบาท เติบโต 6.3% QoQ  ในขณะที่ปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 27,069 ล้านบาท เติบโต 3.9% YoY จากกลยุทธ์ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ที่ผลักดันให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มมีรายได้รวม 22,154 ล้านบาท เติบโต 4.8% YoY และมีการเติบโตโดดเด่นในในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 29.6% YoY ด้วยรายได้  6,199 ล้านบาท จากเมียนมาร์ ลาว และอินโดนีเซีย

รวมถึงตลาดส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว และเริ่มขยายตลาดสู่เวียดนามซึ่งมีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง ด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแบบ 2-in-1 Energy + Rehydration เมื่อปลายปี 2567 ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากกลุ่มผู้บริโภคท้องถิ่น ทั้งนี้ โอสถสภาเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาดรวม 45.8% ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และราคา ที่ตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่แตกต่างกัน โดยมีแบรนด์ M-150 ครองส่วนแบ่งการตลาด 32% ในขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์เติบโต 9.3% YoY

           โดยมี C-Vitt เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีครองส่วนแบ่งการตลาด 74.5% เครื่องดื่มเปปทีนที่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มคุณประโยชน์ครอบคลุมการบริโภคในโอกาสที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องดื่มคาลพิสที่ทำการตลาดและออกสินค้ารสชาติใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง

           รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในประเทศเติบโต 9.8% และในต่างประเทศเติบโต 47.7% YoY จากเมียนมาร์ ลาว และเวียดนาม โดยรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์เบบี้มายด์เติบโต 15.1% YoY และครองตำแหน่งผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์อาบน้ำเด็กต่อเนื่อง และกำลังก้าวสู่ผู้นำในตลาดแป้งเด็กและนำจุดแข็งความอ่อนโยนและความหอม ต่อยอดสู่นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เบบี้ มายด์ แอนด์ บียอนด์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กว้างขึ้นทั้งในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้หญิง และครอบครัว รวมถึงการ Collaboration กับ Butterbear ที่เข้าถึงคนหลากหลายวัยให้หันมาทดลองใช้สินค้าเพิ่มขึ้น

ในขณะที่รายได้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงแบรนด์ ‘ทเวลฟ์ พลัส’ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายแบรนด์ ‘เอ็กซิท’ เติบโต 7.3% YoY จากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย

           นางสาวรติพร กล่าวเพิ่มเติมว่า “โอสถสภาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากปรับสัดส่วนกำลังการผลิตให้เหมาะสม และการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ลดลง ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่มีอัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น 37.3% เติบโต 2.8% YoY โดยในไตรมาส 4 ทำสถิติอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 38.5% เติบโต 3% YoY และ 2.4% QoQ และมีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท เติบโต 31.0% YoY และ 256.9% QoQ

           ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 1,638 ล้านบาท ลดลง 31.8% YoY  จากการปรับโครงสร้างธุรกิจผ่านการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และรับรู้ผลขาดทุนสุทธิรวมเป็น จำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว (One-Time Expenses) อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว  บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core Business) ในปี 2567 จำนวน 3,038 ล้านบาท เติบโต 39.3% YoY ตอกย้ำถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ”

           จากผลกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.30 บาท ต่อหุ้น ที่จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ดังนั้นในปี 2567 บริษัทฯ จะเสนอจ่ายเงินปันผลรวม 0.60 บาท ต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,802 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 110% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ตอกย้ำว่า OSP เป็นหนึ่งในหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น

           โอสถสภาตอกย้ำวิสัยทัศน์ “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต” พร้อมเดินเกมรุกสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม  มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก (Grow the core) สร้างการเติบโตธุรกิจในอนาคต (Seed the future) สร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าขยายฐานสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในประเทศควบคู่ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ขยายการลงทุนในต่างประเทศ (Expand Internationally) สร้างการเติบโตในภูมิภาค สร้างโอกาสการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Inorganic Growth) และปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีประสิทธิภาพ (Organization transformation) พร้อมวางรากฐานเพื่อสร้างธุรกิจแห่งอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิด 3 ปัจจัย  หุ้นไทยคึก หลังสงกรานต์  คัด 6 หุ้นเด็ด

เปิด 3 ปัจจัย หุ้นไทยคึก หลังสงกรานต์ คัด 6 หุ้นเด็ด

หุ้นไทย หลังสงกรานต์ รอด หรือ ร่วง?

หุ้นไทย หลังสงกรานต์ รอด หรือ ร่วง?

ตลท. ใช้ Ceiling & Floor (+/-30%) เริ่มมีผล 16 เม.ย.68

ตลท. ใช้ Ceiling & Floor (+/-30%) เริ่มมีผล 16 เม.ย.68

ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน เหตุเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ

ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน เหตุเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด