บอร์ด SNNP อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 640 ลบ. เก็บหุ้นไม่เกิน 40 ล้านหุ้น หรือ 4.17% ของหุ้นทั้งหมด เริ่ม 23 ธ.ค. 67 – 20 มิ.ย. 68 หวังเพิ่ม ROE-EPS เสริมความเชื่อมั่นสถานะการเงิน ด้าน บล.ดาโอ มองบวก ชี้ราคาซื้อคืนสูงกว่าราคาปัจจุบัน 42% คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท รับแรงหนุนจากไฮซีซั่น Q4/67 และการเติบโตในเวียดนาม-ฟิลิปปินส์
บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ขอรายงานมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2567 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เกี่ยวกับการอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน
วงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืน ไม่เกิน 640 ล้านบาท โดย จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน ไม่เกิน 40,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.17 ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด
วิธีการและกำหนดเวลาในการซื้อหุ้นคืน ซื้อด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2568 (บริษัทต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน) เปิดเผยข้อมูลมาประกอบการพิจารณากำหนดราคาหุ้นด้วยราคาหุ้นที่จะซื้อคืนจะไม่เกินกว่าร้อยละ 115 ของราคาปิดเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่ทำการซื้อ หุ้นคืน ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 4พฤศจิกายน 2567 ถึง วันที่ 17 ธันวาคม 2567 เท่ากับ 11.94 บาทต่อหุ้น (ราคาปิดถัวเฉลี่ย 30 วันทำการ ย้อนหลัง)
ส่วน ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท มีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท
ข้อมูลจากงบการเงินงบเฉพาะกิจการสอบทานตรวจสอบงวดล่าสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567
– กำไรสะสมของบริษัท (ยังไม่ได้จัดสรร) เท่ากับ 857 ล้านบาท
– หนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่จะเริ่มซื้อหุ้นคืนเท่ากับ 138 ล้านบาท
อธิบายความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะเริ่ม ซื้อหุ้นคืน โดยระบุแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการชำระหนี้คืน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีรายการเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 67 ล้านบาท บริษัทประมาณการว่า บริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของงบการเงินเฉพาะกิจการในครึ่งปีแรกของปี 2568 เป็นจำนวน 890 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอในการชำระหนี้ที่ถึงกำหนดใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน และมีเงินสดคงเหลือเพียงพอที่จะนำมาใช้ในการซื้อหุ้นคืนตามโครงการ ส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญชายย่อย (Free fioat) ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นหรือวันที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นลำสุด เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 เท่ากับร้อยละ 28.78 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
เหตุผลในการซื้อหุ้นคืน
– เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด
– เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนเกินของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตราทำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)
-เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
ผลกระทบภายหลังซื้อหุ้นคืนต่อผู้ถือหุ้น
-ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนโดยคำนวณจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราทำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)เพิ่มสูงขึ้น และผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทซื้อคืนจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล
– ทำให้ปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดลดลง ช่วยทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น 4.2 ต่อบริษัท
– บริษัทจะมีสินทรัพย์สภาพคล่อง และมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง (Book Value Per Share)
– หากบริษัทดำเนินการซื้อหุ้นคืนได้ครบตามวงเงินที่ได้ระบุได้ทั้งหมด เมื่อสินสุดโครงการการซื้อหุ้นคืนบริษัทจะมีสินทรัพย์ สภาพคล่อง และมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับวงเงินดังกล่าว
การจำหน่ายและการตัดหุ้นที่ซื้อคืน
– วิธีการจำหน่ายหุ้นบริษัทอาจทำการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน โดยการขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในขณะนั้น โดยจะพิจารณาอีกครั้งภายหลังเสร็จสิ้นโครงการซื้อหุ้นคืน กำหนดระยะเวลาจำหน่ายและตัดหุ้นที่ซื้อคืน
คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณากำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนอีกครั้งภายหลังเสร็จสิ้นโครงการซื้อหุ้นคืน และจะแจ้งให้ทราบต่อไป (กำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน จะทำได้ภายหลัง 3 เดือนนับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น แต่ต้องไม่เกิน 3ปี ทั้งนี้ ทันทีที่จำหน่ายได้บริษัทจะเร่งพิจารณาและจำหน่ายออกในเวลาที่เหมาะสม)
ด้าน บล.ดาโอ ระบุว่า SNNP ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 40 ล้าน โดยมีมุมมองเป็นบวก โดยแผนซื้อหุ้นคืนดังกล่าว imply ราคาซื้อคืนเฉลี่ยที่ 16 บาท/หุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันราว +42% ทำให้เรามองว่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นได้
สำหรับ ไตรมาส 4/2567 คาดกำไรขยายตัว จาก high season โดยรายได้ในประเทศที่โตต่อ ด้านรายได้ต่างประเทศโต QoQ จากรายได้เวียดนาม และรายได้ฟิลิปปินส์ขยายตัว เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 659 ล้านบาท (+4% YoY) เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 17.00 บาท อิง 2025E PER 22.5x